Home » 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 หวีตรงสวยใน 5 นาที ผมไม่เสีย
Posted in

10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 หวีตรงสวยใน 5 นาที ผมไม่เสีย

ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบไปทำงานหรือไปเรียน แต่สภาพผมเจ้ากรรมดันชี้ฟูไม่เป็นทรงเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน! จะหยิบเครื่องหนีบผมมาใช้ก็กลัวผมจะเสียจากความร้อนสูง แถมยังใช้เวลานานอีก กว่าจะได้ผมตรงสวยก็เกือบจะไปทำงานสายเสียแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปค่ะ เพราะวันนี้เรามี “หวีไฟฟ้า” หรือ “หวีรีดผม” สุดยอดไอเทมเนรมิตผมตรงสวยในเวลาไม่กี่นาทีมาเป็นตัวช่วยชีวิตในวันเร่งรีบของคุณ บทความนี้ soodd.com ได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับหวีไฟฟ้า ตั้งแต่การเลือกซื้อให้เหมาะกับสภาพผมของคุณ เคล็ดลับการใช้งานให้ผมสวยปังและไม่เสีย ไปจนถึงการรีวิวจัดเต็ม 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อคู่หูคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ พร้อมโบกมือลาผมชี้ฟูไปได้เลย!

หวีไฟฟ้า คืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นไอเทมคู่ใจสาวยุคใหม่?

หลายคนอาจจะยังสับสนระหว่างหวีไฟฟ้ากับเครื่องหนีบผม จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ผมตรงสวย แต่หลักการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันค่ะ ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะคะ หวีไฟฟ้าคือการรวมร่างกันระหว่าง “หวีแปรง” ที่เราใช้กันปกติกับ “เทคโนโลยีความร้อน” เหมือนในเครื่องหนีบผม ทำให้มันสามารถแปรงผมและให้ความร้อนไปพร้อมๆ กันได้ในขั้นตอนเดียว

จุดเด่นที่ทำให้หวีไฟฟ้าครองใจสาวๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองคือความง่ายและรวดเร็ว แค่เปิดเครื่อง รอให้ร้อน (ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่ถึงนาที) แล้วก็หวีลงบนผมเหมือนที่เคยทำปกติ เพียงไม่กี่นาที ผมที่เคยชี้ฟูก็จะเรียบตรงสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ตรงแหน่วทื่อๆ เหมือนใช้เครื่องหนีบผม ทำให้ได้ลุคที่ดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนติดหนังศีรษะ นอกจากนี้ หวีไฟฟ้าส่วนใหญ่มักออกแบบมาให้มีความร้อนที่กระจายตัวสม่ำเสมอและไม่สูงเท่าเครื่องหนีบผม จึงช่วยลดโอกาสที่ผมจะแห้งเสียจากการสัมผัสความร้อนโดยตรงได้ดีกว่า จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หวีไฟฟ้าจะกลายเป็นไอเทม Must-Have ที่สาวๆ ยุคใหม่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้สำหรับวันเร่งรีบค่ะ

เคล็ดลับเลือกซื้อหวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ให้ตอบโจทย์และถนอมเส้นผมที่สุด

ก่อนจะไปดูลิสต์ 10 อันดับที่เราคัดมาให้ การรู้หลักในการเลือกซื้อจะช่วยให้คุณได้หวีไฟฟ้าที่ใช่และเหมาะกับสภาพผมของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่ซื้อตามกระแส มาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ได้หวีไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

1. วัสดุของแผ่นความร้อน (Heating Plate Material)

หัวใจสำคัญของหวีไฟฟ้าคือซี่หวีที่ให้ความร้อน ซึ่งวัสดุที่ใช้เคลือบนั้นมีผลโดยตรงต่อสุขภาพเส้นผมของคุณค่ะ

  • เซรามิก (Ceramic): เป็นวัสดุยอดนิยมที่สุด ให้ความร้อนเร็วและสม่ำเสมอทั่วทั้งซี่หวี ช่วยให้หวีผมได้ลื่นไหลไม่สะดุด ลดการดึงรั้งเส้นผม เหมาะสำหรับผมทุกประเภท โดยเฉพาะคนผมเส้นเล็กและผมเสียที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
  • ทัวร์มาลีน (Tourmaline): มักจะมาในรูปแบบเคลือบทับบนเซรามิกอีกชั้น (Ceramic Tourmaline) คุณสมบัติเด่นคือการปล่อยประจุลบ (Negative Ions) เมื่อโดนความร้อน ซึ่งจะช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมเรียบลื่น ไม่ชี้ฟู และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เส้นผมดูเงางามสุขภาพดีอีกด้วย เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาผมแห้งและชี้ฟู
  • ไทเทเนียม (Titanium): มีความทนทานสูง ร้อนเร็วมาก และให้ความร้อนได้สูงกว่าวัสดุอื่น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผมหนา ผมหยิก หรือผมที่จัดทรงยากมากๆ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะหากปรับอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้ผมเสียได้ง่าย

2. การปรับระดับอุณหภูมิ (Temperature Control)

หวีไฟฟ้าที่ดีควรสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้หลายระดับ เพื่อให้เหมาะกับสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันไป การใช้ความร้อนที่สูงเกินความจำเป็นคือสาเหตุหลักของผมเสียค่ะ

  • ผมเส้นเล็ก / ผมทำสี / ผมเสีย: ควรใช้อุณหภูมิต่ำ ประมาณ 120-160 องศาเซลเซียส
  • ผมปกติ / ผมสุขภาพดี: สามารถใช้อุณหภูมิปานกลาง ประมาณ 160-190 องศาเซลเซียส
  • ผมหนา / ผมหยิก / ผมแข็งแรง: อาจต้องใช้อุณหภูมิสูงขึ้น ประมาณ 190-230 องศาเซลเซียส

แนะนำ: เลือกหวีไฟฟ้าที่มีหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิแบบดิจิทัล จะช่วยให้คุณควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ

3. เทคโนโลยีไอออนิก (Ionic Technology)

อย่างที่เกริ่นไปในเรื่องวัสดุทัวร์มาลีน เทคโนโลยีไอออนิกคือการปล่อยประจุลบออกมาเพื่อต่อสู้กับประจุบวกในเส้นผมที่เกิดจากความแห้งเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุของไฟฟ้าสถิตและผมชี้ฟู ผลลัพธ์คือผมที่เรียบตรง เงางาม และนุ่มสลวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เจอปัญหาผมชี้ฟูง่าย การเลือกหวีไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากๆ

4. ขนาดและรูปทรงของหวี

ขนาดของหัวแปรงและรูปทรงก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกให้เหมาะกับความยาวและลักษณะของเส้นผม

  • หัวแปรงขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับคนผมยาวและหนา เพราะช่วยให้หวีผมเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • หัวแปรงขนาดเล็กหรือทรงรี: เหมาะสำหรับคนผมสั้นหรือผมประบ่า เพราะสามารถเข้าถึงโคนผมและจัดทรงบริเวณปลายผมได้ง่ายกว่า

5. ฟังก์ชันเสริมและระบบความปลอดภัย

ฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยให้การใช้งานสะดวกและปลอดภัยขึ้นมากค่ะ

  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Auto Shut-off): เป็นฟังก์ชันที่สำคัญมาก ช่วยป้องกันอุบัติเหตุในกรณีที่คุณลืมปิดเครื่องหลังใช้งาน โดยเครื่องจะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานในระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่คือ 30-60 นาที)
  • สายไฟหมุนได้ 360 องศา: ช่วยให้การใช้งานคล่องตัว ไม่ว่าคุณจะหมุนข้อมือไปทางไหนสายไฟก็จะไม่พันกัน
  • ระบบ Ready to Use: สัญญาณไฟหรือเสียงเตือนเมื่อเครื่องทำความร้อนถึงอุณหภูมิที่ตั้งค่าไว้แล้ว พร้อมใช้งาน
  • หวีไฟฟ้าไร้สาย (Cordless): เพิ่มความสะดวกสบายขั้นสุด เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้นอกสถานที่หรือเดินทาง แต่ต้องเช็คระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้ดี

เปิดลิสต์ 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ต้องมี! ผมตรงสวยไว ไม่ต้องง้อร้าน

มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว! เราได้รวบรวมหวีไฟฟ้ารุ่นเด็ดๆ จากแบรนด์ดังที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพ พร้อมเจาะลึกคุณสมบัติเด่นของแต่ละรุ่น เพื่อให้คุณเลือก “หวีแปรงไฟฟ้า” ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

1. Philips StyleCare Essential BHH880/00

เริ่มต้นกันที่แบรนด์ขวัญใจมหาชนอย่าง Philips รุ่นนี้ถือเป็นหวีไฟฟ้ารุ่นพื้นฐานที่คุณภาพคับแก้ว เหมาะสำหรับมือใหม่หรือคนที่ต้องการความง่ายและรวดเร็วในการจัดทรงผมตอนเช้า ด้วยดีไซน์ซี่หวี 3 รูปแบบที่ช่วยคลายปมผม จัดเรียงเส้นผม และให้ความร้อนไปพร้อมกัน ทำให้การหวีผมตรงเป็นเรื่องง่ายดาย จุดเด่นคือเทคโนโลยี ThermoProtect ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ป้องกันไม่ให้ความร้อนสูงเกินไปจนทำร้ายเส้นผม และแผ่นความร้อนเคลือบเซรามิกทัวร์มาลีนที่ช่วยให้หวีลื่นไหล ลดการเสียดสี ทั้งยังปล่อยประจุลบเพื่อลดผมชี้ฟูและเพิ่มความเงางาม การออกแบบหัวแปรงทรงไม้พายขนาดใหญ่ช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่เส้นผมได้มาก ทำให้ผมตรงสวยเสร็จไวในไม่กี่นาที เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยี ThermoProtect: ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ป้องกันความร้อนสูงเกินไป
  • แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิกทัวร์มาลีน: เพื่อผมเงางาม ลดการเสียดสี และปล่อยประจุลบ
  • การตั้งค่าความร้อน 2 ระดับ: 170°C และ 200°C เหมาะกับสภาพผมที่แตกต่างกัน
  • ดีไซน์ซี่หวี 3 รูปแบบ: ช่วยสางผมและจัดทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หัวแปรงทรงไม้พายขนาดใหญ่: ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก จัดทรงได้รวดเร็ว
  • ร้อนเร็ว: พร้อมใช้งานใน 50 วินาที
  • สายไฟยาว 1.8 เมตร: เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน

2. LESASHA Straight & Curl Hair Brush LS1365

สำหรับสาวๆ ที่รักความคุ้มค่าและหลากหลาย ต้องไม่พลาด LESASHA รุ่นนี้ที่ไม่ได้เป็นแค่หวีรีดผมตรงธรรมดา แต่ยังสามารถใช้ม้วนลอนที่ปลายผมได้อีกด้วย เรียกว่าซื้อ 1 ได้ถึง 2! ตัวแกนและซี่หวีเคลือบด้วย Nano Tourmaline ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนโดยตรงและปล่อยประจุลบเพื่อลดผมชี้ฟู ทำให้ผมที่ได้ดูสุขภาพดีและเงางาม สามารถปรับอุณหภูมิได้ถึง 4 ระดับ ตั้งแต่ 160 ถึง 220 องศาเซลเซียส พร้อมหน้าจอ Digital แสดงผลชัดเจน ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผม ไม่ว่าจะผมเส้นเล็กหรือผมหนาจัดทรงยากก็เอาอยู่ ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันและราคาที่เป็นมิตร ทำให้ LESASHA LS1365 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาวๆ ที่อยากได้ทั้งผมตรงและผมลอนในเครื่องเดียว

คุณสมบัติเด่น

  • 2-in-1 Function: เป็นได้ทั้งหวีผมตรงและแกนม้วนผมลอน
  • แกนเคลือบ Nano Tourmaline: ปกป้องเส้นผม ให้ความเงางาม และลดไฟฟ้าสถิต
  • ปรับอุณหภูมิได้ 4 ระดับ: 160, 180, 200, 220 °C
  • หน้าจอ Digital: แสดงอุณหภูมิชัดเจน ควบคุมง่าย
  • ซี่หวี Anti-Scald: ซี่หวีนุ่มและมีปุ่มซิลิโคนป้องกันหนังศีรษะสัมผัสความร้อน
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: ปิดเครื่องเองหลังไม่ใช้งาน 30 นาที
  • สายไฟหมุนได้ 360 องศา: ใช้งานสะดวก ไม่พันกัน

3. Create Ion AIRY & SHINY BRUSH IRON

ขยับมาที่แบรนด์พรีเมียมจากญี่ปุ่นอย่าง Create Ion ที่โดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีถนอมเส้นผมขั้นสุด รุ่นนี้เป็นหวีไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Create Ion® ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดยซี่หวีและแกนร้อนจะเคลือบด้วยแร่ธาตุหลายชนิดที่ปล่อยทั้ง Negative Ions และ Far Infrared Rays (FIR) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในเส้นผมได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผมตรงสวย นุ่มลื่น และเงางามเหมือนเพิ่งออกจากซาลอน นอกจากนี้ยังมีการออกแบบซี่หวีแบบพิเศษที่สามารถสอดเข้าไปในเส้นผมได้ง่าย ช่วยให้ความร้อนกระจายตัวอย่างทั่วถึง และตัวหวียังมีช่องลมสำหรับเป่าลมเย็นออกมาพร้อมกัน ช่วยล็อคทรงผมให้อยู่ตัวนานขึ้นและลดความร้อนสะสมบนเส้นผม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผมเสียและต้องการการบำรุงไปในตัว

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยี Create Ion®: เคลือบไอออนลิขสิทธิ์เฉพาะ ช่วยให้ผมนุ่มชุ่มชื้น เงางาม
  • ปล่อยประจุลบ (Negative Ions): ลดผมชี้ฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีช่องเป่าลมเย็น: ช่วยล็อคทรงและลดความร้อนสะสม
  • ปรับอุณหภูมิได้ 2 ระดับ: 180°C และ 200°C
  • ดีไซน์ซี่หวีพิเศษ: เข้าถึงเส้นผมได้ดี กระจายความร้อนทั่วถึง
  • ระบบ Dual Voltage: ใช้งานได้ทั่วโลก
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: หลังไม่ใช้งาน 1 ชั่วโมง

4. Remington Keratin Protect Sleek & Smooth Heated Brush CB7480

แบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกาอย่าง Remington ก็มีหวีไฟฟ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รุ่นนี้ชูจุดเด่นด้วยแกนร้อนที่เคลือบด้วย Advanced Ceramic ผสานคุณค่าจากเคราติน (Keratin) และน้ำมันอัลมอนด์ (Almond Oil) ซึ่งจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาสู่เส้นผมขณะใช้งาน ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มสลวยและดูสุขภาพดีไปในตัว เทคโนโลยีไอออนิกช่วยจัดการปัญหาผมชี้ฟูได้อย่างอยู่หมัด ทำให้ได้ผมที่เรียบตรงอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ (150°C, 190°C, 230°C) เพื่อให้เหมาะกับสภาพผมที่หลากหลาย ตั้งแต่ผมเส้นเล็กไปจนถึงผมหนามาก ดีไซน์ของแปรงถูกออกแบบมาให้เข้าใกล้โคนผมได้มากที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่เรียบเนียนตั้งแต่โคนจรดปลาย นับเป็นหวีไฟฟ้าที่เน้นการบำรุงและถนอมเส้นผมอย่างแท้จริง

คุณสมบัติเด่น

  • แกนเคลือบ Advanced Ceramic: ผสมเคราตินและน้ำมันอัลมอนด์เพื่อการบำรุง
  • เทคโนโลยีไอออนิก: ลดไฟฟ้าสถิตและผมชี้ฟู
  • ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: 150°C, 190°C, 230°C
  • ร้อนเร็ว: พร้อมใช้งานใน 30 วินาที
  • ดีไซน์ขอบแบน: ช่วยให้เข้าใกล้โคนผมได้มากขึ้น
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: ปลอดภัยหายห่วง
  • สายไฟยาว 3 เมตร: เทียบเท่าอุปกรณ์ในซาลอน ใช้งานสะดวกมาก

5. Vivid & Vogue 3rd Generation Hair Straightener Brush

มาต่อกันที่แบรนด์ยอดฮิตในโลกออนไลน์อย่าง Vivid & Vogue ที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์ทำผมที่ใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ดีเกินราคา รุ่นนี้เป็นหวีไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นคือการใช้งานที่ง่ายมาก เพียงแค่กดปุ่มเดียวก็พร้อมใช้งานได้ทันที มีเทคโนโลยีไอออนลบช่วยลดผมชี้ฟู ทำให้ผมเรียบสวยไม่แห้งกระด้าง ตัวซี่หวีถูกออกแบบมาให้มีปุ่มซิลิโคนกันความร้อน ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะโดนแผ่นความร้อนโดยตรง ทำให้ปลอดภัยแม้จะใช้ใกล้โคนผม สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผม และยังมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานอีกด้วย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เริ่มต้นหัดใช้หวีไฟฟ้า

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยีไอออนลบ: ช่วยให้ผมเรียบลื่น ลดการชี้ฟู
  • ปรับระดับความร้อนได้: รองรับทุกสภาพเส้นผม (มักจะมี 5 ระดับ)
  • ซี่หวีกันความร้อน: มีปุ่มซิลิโคนป้องกันการสัมผัสหนังศีรษะ
  • ร้อนเร็ว: ไม่ต้องรอนานในชั่วโมงเร่งด่วน
  • สายไฟหมุนได้ 360 องศา: เพิ่มความสะดวกในการจัดทรง
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
  • ราคาเข้าถึงง่าย: คุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้รับ

6. Xiaomi Wellskins Negative Ion Hair Straightener Comb

แบรนด์เทคโนโลยีอย่าง Xiaomi ก็ลงมาเล่นในตลาดบิวตี้เช่นกัน และทำได้ดีเสียด้วย หวีไฟฟ้ารุ่นนี้จาก Wellskins (แบรนด์ในเครือ) เน้นดีไซน์ที่มินิมอลแต่ฟังก์ชันจัดเต็มตามสไตล์ Xiaomi มาพร้อมเทคโนโลยี MCH (Metal Ceramic Heater) ที่ทำให้ร้อนเร็วและรักษาอุณหภูมิได้คงที่มากๆ แน่นอนว่ามีระบบปล่อยประจุลบเพื่อต่อสู้กับผมชี้ฟูและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม ซี่หวีถูกออกแบบมาให้มีความหนาแน่นสูง ช่วยให้สางผมที่พันกันได้ง่ายและกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับผ่านหน้าจอ LED ที่ดูทันสมัยและใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีระบบ Anti-scald design รอบตัวแปรง ป้องกันการสัมผัสโดนผิวหนังโดยตรง ถือเป็นหวีไฟฟ้าที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดีไซน์ได้อย่างลงตัว

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยีทำความร้อน MCH: ร้อนเร็วและอุณหภูมินิ่งเสถียร
  • ปล่อยประจุลบ (Negative Ion): ลดไฟฟ้าสถิต ให้ผมนุ่มลื่น
  • ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ: พร้อมหน้าจอ LED แสดงผล
  • Anti-scald Design: ป้องกันความร้อนสัมผัสผิวหนัง
  • ดีไซน์มินิมอล: สวยงามน่าใช้ตามแบบฉบับ Xiaomi
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: เพื่อความปลอดภัย
  • จดจำอุณหภูมิสุดท้ายที่ใช้: เปิดเครื่องครั้งถัดไป ไม่ต้องตั้งค่าใหม่

7. TSUYAGLA WAVE Hair Brush Iron

อีกหนึ่งแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคย TSUYAGLA (อ่านว่า ซึย่า-กล่า) มีหวีไฟฟ้าที่น่าสนใจเช่นกัน รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ผมตรงสวยแบบมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบน ตัวแปรงมักเคลือบด้วยเซรามิกคุณภาพดีที่ให้ความร้อนสม่ำเสมอและช่วยให้หวีลื่นไหล สามารถปรับอุณหภูมิได้ละเอียดหลายระดับ ทำให้เลือกใช้ความร้อนที่เหมาะสมกับผมได้ง่าย รุ่นใหม่ๆ มักจะมาพร้อมเทคโนโลยีไอออนิกเพื่อช่วยลดผมชี้ฟูด้วย การออกแบบตัวเครื่องมักจะคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ ทำให้จับถนัดมือและควบคุมทิศทางได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหวีไฟฟ้าคุณภาพดีมาตรฐานญี่ปุ่นที่เน้นการสร้างผมตรงสวยดูเป็นธรรมชาติ

คุณสมบัติเด่น

  • ผลิตและออกแบบจากญี่ปุ่น: มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน
  • แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิก: กระจายความร้อนได้ดีและสม่ำเสมอ
  • ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ: (เช่น 120-220°C)
  • อาจมีเทคโนโลยีไอออนิก: ในบางรุ่น เพื่อลดผมชี้ฟู
  • ดีไซน์จับถนัดมือ: ควบคุมง่าย ไม่เมื่อย
  • ระบบ Dual Voltage: พกพาไปใช้งานต่างประเทศได้

8. Amabella Straightening Brush (รุ่นไร้สาย)

ปฏิวัติการจัดแต่งทรงผมด้วยหวีไฟฟ้าไร้สายจาก Amabella! รุ่นนี้คือคำตอบสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือต้องการเติมสวยระหว่างวัน เพราะไม่มีสายไฟมาเกะกะให้วุ่นวายใจ ขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก ใส่ในกระเป๋าถือได้สบายๆ แม้จะตัวเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่เล็กตาม มาพร้อมเทคโนโลยีทำความร้อนที่รวดเร็วและแผ่นเคลือบเซรามิกเพื่อความเรียบลื่นและถนอมเส้นผม สามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับเพื่อให้เหมาะกับสภาพผมที่ต่างกัน ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C ทำให้สามารถชาร์จกับพาวเวอร์แบงค์หรือในรถได้เลย เป็นสุดยอดไอเทมสำหรับสาวๆ ที่ชีวิตไม่หยุดนิ่ง ต้องการผมสวยเป๊ะทุกที่ทุกเวลาอย่างแท้จริง

คุณสมบัติเด่น

  • ดีไซน์ไร้สาย (Cordless): สะดวกสบาย พกพาง่ายขั้นสุด
  • ขนาดกะทัดรัด: เหมาะสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าถือ
  • ชาร์จผ่าน USB-C: สะดวก ชาร์จได้ทุกที่
  • ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: (เช่น 160, 180, 200 °C)
  • แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิก: ช่วยให้ผมเรียบลื่น
  • มีฝาครอบกันความร้อน: เพื่อความปลอดภัยในการพกพา
  • ใช้งานได้ประมาณ 30-40 นาทีต่อการชาร์จเต็ม: เพียงพอสำหรับการจัดทรง 1-2 ครั้ง

9. Dyson Corrale™ (ใช้เป็นหวีรีดผมได้)

แม้ว่า Dyson Corrale™ จะเป็นเครื่องหนีบผม แต่ด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำสมัย ทำให้มันสามารถประยุกต์ใช้ในลักษณะคล้ายหวีรีดผมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อต้องการความเรียบเนียนขั้นสุด จุดเด่นที่สุดคือแผ่นความร้อน Flexing Plates ที่ทำจากทองแดงผสมแมงกานีส ซึ่งสามารถโค้งงอเพื่อโอบรับเส้นผมได้ ทำให้ใช้แรงกดน้อยลงและความร้อนกระจายตัวสม่ำเสมอ ลดการทำร้ายเส้นผมได้ถึง 50% สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะที่วัดอุณหภูมิ 100 ครั้งต่อวินาที ทำให้ความร้อนแม่นยำและไม่สูงเกินไป แม้ราคาจะสูงกว่าตัวอื่นหลายเท่าตัว แต่ถ้าคุณมองหาที่สุดของเทคโนโลยีถนอมเส้นผมและผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ Dyson Corrale™ คือคำตอบสุดท้าย

คุณสมบัติเด่น

  • Flexing Plates: แผ่นความร้อนโค้งงอได้ โอบรับเส้นผม ลดการทำร้ายเส้นผม
  • ใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย: เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • Intelligent Heat Control: ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ แม่นยำสูงสุด
  • ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: 165°C, 185°C, and 210°C
  • หน้าจอ OLED: แสดงระดับแบตเตอรี่ อุณหภูมิ และสถานะการชาร์จ
  • พร้อมบิน (Flight-ready): ออกแบบให้พกพาขึ้นเครื่องบินได้
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติและ Safety Lock: เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

10. Panasonic 2-in-1 Straight & Curl Straightener EH-HV11

ปิดท้ายด้วยแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นอีกหนึ่งแบรนด์อย่าง Panasonic แม้รุ่นนี้จะเป็นเครื่องหนีบผมแบบ 2-in-1 แต่ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและแผ่นความร้อนที่ไม่กว้างจนเกินไป ทำให้สามารถใช้ในลักษณะของการ “หวี” หรือ “รูด” เส้นผมให้ตรงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จุดเด่นคือแผ่นความร้อนเคลือบด้วยโฟโต้เซรามิก (Photo Ceramic) ที่ช่วยรักษาสีผมที่ทำมาให้ติดทนนานขึ้น และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมได้ดีอีกด้วย ร้อนเร็วพร้อมใช้งานในเวลาเพียง 40 วินาที มีฝาครอบสำหรับจัดเก็บ ช่วยให้พกพาสะดวกและปลอดภัย เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่ต้องการอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ทำได้หลากหลายฟังก์ชันในเครื่องเดียวและเน้นการพกพา

คุณสมบัติเด่น

  • 2-in-1 Function: หนีบตรงและม้วนลอนได้
  • แผ่นความร้อนเคลือบ Photo Ceramic: ช่วยรักษาสีผมและความชุ่มชื้น
  • ขนาดกะทัดรัด: พกพาง่าย พร้อมฝาครอบจัดเก็บ
  • ร้อนเร็ว: พร้อมใช้ใน 40 วินาที
  • อุณหภูมิสูงสุด 210°C: จัดทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ Universal Voltage: ใช้ได้ทั่วโลก
  • ดีไซน์เรียบง่าย: ใช้งานสะดวก ไม่ซับซ้อน

วิธีใช้หวีไฟฟ้าให้ผมตรงสวย ไม่แห้งเสีย ทำตามได้ง่ายๆ

ได้หวีไฟฟ้าคู่ใจมาแล้ว ก็ต้องใช้ให้ถูกวิธีด้วยนะคะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันไม่ให้ผมเสียในระยะยาว ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ดูค่ะ

  1. เริ่มต้นด้วยผมที่แห้งสนิท: นี่คือกฎเหล็กข้อแรก! ห้ามใช้หวีไฟฟ้ากับผมที่เปียกหรือหมาดๆ เด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ผมเสียอย่างรุนแรงแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าช็อตได้ ควรเป่าผมให้แห้งสนิท 100% ก่อนเสมอ
  2. สางผมก่อนเสมอ: ใช้หวีธรรมดาสางผมที่พันกันออกให้หมดก่อน เพื่อให้หวีไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ดึงรั้งเส้นผม
  3. ฉีดสเปรย์กันความร้อน (Heat Protectant): ขั้นตอนนี้ห้ามข้ามเด็ดขาด! การฉีดสเปรย์กันความร้อนให้ทั่วเส้นผมเปรียบเสมือนการใส่เกราะป้องกันให้ผม ช่วยลดความเสียหายจากความร้อนได้มาก
  4. แบ่งผมเป็นช่อๆ: การแบ่งผมเป็นช่อเล็กๆ (ความหนาประมาณ 1-2 นิ้ว) จะช่วยให้ความร้อนกระจายตัวเข้าถึงเส้นผมได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผมตรงสวยและเสร็จเร็วกว่าการพยายามหวีผมทั้งศีรษะในคราวเดียว
  5. เริ่มหวีจากด้านใน: เริ่มต้นหวีจากช่อผมด้านในบริเวณท้ายทอยก่อน โดยใช้มือข้างหนึ่งจับช่อผมให้ตึง แล้วใช้หวีไฟฟ้าค่อยๆ หวีจากโคนลงมาจรดปลายผมอย่างช้าๆ ทำซ้ำประมาณ 1-2 ครั้งต่อช่อ หรือจนกว่าจะพอใจ
  6. ค่อยๆ ทำไปทีละช่อ: ทำซ้ำขั้นตอนที่ 5 ไปเรื่อยๆ จนครบทุกช่อทั่วทั้งศีรษะ
  7. เก็บรายละเอียดและปิดท้าย: หลังจากหวีครบทุกช่อแล้ว ลองส่องกระจกดูและเก็บรายละเอียดในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย จากนั้นอาจจะใช้เซรั่มหรือออยล์บำรุงผมลูบเบาๆ ที่ปลายผมเพื่อเพิ่มความเงางามและจัดทรงให้อยู่ตัว

ตารางเปรียบเทียบ 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025

ยี่ห้อ/รุ่น คุณสมบัติเด่นที่สุด วัสดุ/เทคโนโลยี ระดับความร้อน เหมาะกับใคร
Philips BHH880/00 เทคโนโลยี ThermoProtect ใช้ง่าย เซรามิกทัวร์มาลีน 170°C, 200°C มือใหม่, คนที่ต้องการความรวดเร็ว
LESASHA LS1365 2-in-1 ทำตรงและลอนได้ นาโนทัวร์มาลีน 160-220°C (4 ระดับ) คนที่ชอบความหลากหลาย, คุ้มค่า
Create Ion AIRY & SHINY เทคโนโลยี Create Ion® ถนอมผมขั้นสุด Create Ion® (ไอออน/FIR) 180°C, 200°C คนผมเสีย, กังวลเรื่องสุขภาพผม
Remington CB7480 แกนผสมเคราตินและอัลมอนด์ออยล์ Advanced Ceramic + บำรุง 150, 190, 230°C คนที่ต้องการการบำรุงไปในตัว
Vivid & Vogue 3rd Gen ใช้งานง่าย ราคาเป็นมิตร เซรามิก, ไอออนลบ ปรับได้หลายระดับ นักเรียน/นักศึกษา, งบน้อย
Xiaomi Wellskins Comb เทคโนโลยี MCH ร้อนเร็วและนิ่ง MCH, ไอออนลบ ปรับได้หลายระดับ (จอ LED) คนชอบเทคโนโลยีและดีไซน์มินิมอล
TSUYAGLA WAVE Brush คุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ผมมีวอลลุ่ม เซรามิก ปรับได้หลายระดับ คนที่ต้องการผมตรงแบบธรรมชาติ
Amabella (ไร้สาย) ไร้สาย พกพาสะดวกที่สุด เซรามิก 160, 180, 200°C คนเดินทางบ่อย, ต้องการเติมสวยนอกบ้าน
Dyson Corrale™ เทคโนโลยี Flexing Plates ถนอมผมสูงสุด Flexing Plates, Intelligent Heat 165, 185, 210°C คนงบสูง, ต้องการเทคโนโลยีที่ดีที่สุด
Panasonic EH-HV11 แผ่น Photo Ceramic รักษาสีผม Photo Ceramic สูงสุด 210°C คนทำสีผม, ต้องการเครื่องขนาดเล็ก

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. หวีไฟฟ้าใช้กับผมเปียกได้ไหม?
คำตอบ: ไม่ได้เด็ดขาด! การใช้หวีไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ทำความร้อนทุกชนิดกับผมที่เปียกหรือหมาดจะทำให้เกล็ดผมเปิดและน้ำในเส้นผมเดือด ซึ่งจะทำลายโครงสร้างโปรตีนในเส้นผมอย่างรุนแรง ทำให้ผมแห้งเสีย เปราะขาดง่าย และอาจเกิดอันตรายจากไฟฟ้าช็อตได้ ควรใช้กับผมที่แห้งสนิท 100% เท่านั้น

2. ต้องทำความสะอาดหวีไฟฟ้าบ่อยแค่ไหน และทำอย่างไร?
คำตอบ: ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้) เพื่อกำจัดเส้นผม, ฝุ่น, และคราบผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ตกค้างอยู่ วิธีทำคือถอดปลั๊กและรอให้เครื่องเย็นสนิท จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือคอตตอนบัดเช็ดทำความสะอาดตามซอกซี่หวี ระวังอย่าให้น้ำเข้าตัวเครื่องเด็ดขาด

3. หวีไฟฟ้าทำให้ผมเสียเหมือนเครื่องหนีบผมไหม?
คำตอบ: หวีไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะทำร้ายเส้นผมน้อยกว่าเครื่องหนีบผม เนื่องจากความร้อนไม่ได้หนีบเส้นผมโดยตรง และมักมีอุณหภูมิสูงสุดที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนทุกชนิดก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผมเสียได้หากใช้ไม่ถูกวิธี เช่น ใช้บ่อยเกินไป หรือใช้อุณหภูมิสูงเกินความจำเป็น ดังนั้น การใช้สเปรย์กันความร้อนทุกครั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

4. หวีไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีไอออนิก (Ionic) ดีกว่าจริงหรือ?
คำตอบ: จริงค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาผมแห้งและชี้ฟู เทคโนโลยีไอออนิกมีประโยชน์มาก โดยการปล่อยประจุลบจะเข้าไปปรับสมดุลกับประจุบวกบนเส้นผม (ซึ่งเป็นสาเหตุของไฟฟ้าสถิต) ทำให้ผมเรียบขึ้น ไม่ชี้ฟู และยังช่วยให้เกล็ดผมปิดสนิท ส่งผลให้ผมดูเงางามและนุ่มนวลขึ้นด้วย

บทสรุป

การเลือก หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี นั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะหวีที่ดีที่สุดคือหวีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และสภาพเส้นผมของคุณได้ดีที่สุด สำหรับวันเร่งรีบที่ต้องการความรวดเร็วและง่ายดาย Philips หรือ Vivid & Vogue อาจเป็นคำตอบ แต่หากคุณกังวลเรื่องผมเสียเป็นพิเศษและต้องการการถนอมเส้นผมขั้นสุด Create Ion หรือ Remington ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลงทุน หรือถ้าความคล่องตัวและการพกพาคือหัวใจหลัก หวีไฟฟ้าไร้สายอย่าง Amabella ก็จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ หวังว่าข้อมูลและรีวิวเจาะลึกทั้ง 10 รุ่นในบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการมีผมสวยสุขภาพดีคือการบำรุงและปกป้องเส้นผมควบคู่ไปกับการจัดแต่งทรงผมเสมอค่ะ

Image by: Element5 Digital
https://www.pexels.com/@element5

The Digital Alchemist (นักเล่นแร่แปรธาตุดิจิทัล)
ผู้ถักทอเรื่องราวและประสบการณ์ผ่านผืนผ้าใบดิจิทัล The Digital Alchemist แห่ง Sooddd.com ไม่เพียงแต่รังสรรค์เนื้อหา แต่ยังปรุงแต่งแรงบันดาลใจ เปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัญญา และสร้างสรรค์โลกออนไลน์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ด้วยวิสัยทัศน์เฉียบคมและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เขาคือผู้พลิกโฉมสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นความพิเศษในทุกการคลิก