ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบไปทำงานหรือไปเรียน แต่สภาพผมเจ้ากรรมดันชี้ฟูไม่เป็นทรงเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน! จะหยิบเครื่องหนีบผมมาใช้ก็กลัวผมจะเสียจากความร้อนสูง แถมยังใช้เวลานานอีก กว่าจะได้ผมตรงสวยก็เกือบจะไปทำงานสายเสียแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปค่ะ เพราะวันนี้เรามี “หวีไฟฟ้า” หรือ “หวีรีดผม” สุดยอดไอเทมเนรมิตผมตรงสวยในเวลาไม่กี่นาทีมาเป็นตัวช่วยชีวิตในวันเร่งรีบของคุณ บทความนี้ soodd.com ได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับหวีไฟฟ้า ตั้งแต่การเลือกซื้อให้เหมาะกับสภาพผมของคุณ เคล็ดลับการใช้งานให้ผมสวยปังและไม่เสีย ไปจนถึงการรีวิวจัดเต็ม 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อคู่หูคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ พร้อมโบกมือลาผมชี้ฟูไปได้เลย!
หวีไฟฟ้า คืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นไอเทมคู่ใจสาวยุคใหม่?
หลายคนอาจจะยังสับสนระหว่างหวีไฟฟ้ากับเครื่องหนีบผม จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้ผมตรงสวย แต่หลักการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันค่ะ ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะคะ หวีไฟฟ้าคือการรวมร่างกันระหว่าง “หวีแปรง” ที่เราใช้กันปกติกับ “เทคโนโลยีความร้อน” เหมือนในเครื่องหนีบผม ทำให้มันสามารถแปรงผมและให้ความร้อนไปพร้อมๆ กันได้ในขั้นตอนเดียว
จุดเด่นที่ทำให้หวีไฟฟ้าครองใจสาวๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองคือความง่ายและรวดเร็ว แค่เปิดเครื่อง รอให้ร้อน (ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่ถึงนาที) แล้วก็หวีลงบนผมเหมือนที่เคยทำปกติ เพียงไม่กี่นาที ผมที่เคยชี้ฟูก็จะเรียบตรงสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ตรงแหน่วทื่อๆ เหมือนใช้เครื่องหนีบผม ทำให้ได้ลุคที่ดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนติดหนังศีรษะ นอกจากนี้ หวีไฟฟ้าส่วนใหญ่มักออกแบบมาให้มีความร้อนที่กระจายตัวสม่ำเสมอและไม่สูงเท่าเครื่องหนีบผม จึงช่วยลดโอกาสที่ผมจะแห้งเสียจากการสัมผัสความร้อนโดยตรงได้ดีกว่า จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หวีไฟฟ้าจะกลายเป็นไอเทม Must-Have ที่สาวๆ ยุคใหม่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้สำหรับวันเร่งรีบค่ะ
เคล็ดลับเลือกซื้อหวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ให้ตอบโจทย์และถนอมเส้นผมที่สุด
ก่อนจะไปดูลิสต์ 10 อันดับที่เราคัดมาให้ การรู้หลักในการเลือกซื้อจะช่วยให้คุณได้หวีไฟฟ้าที่ใช่และเหมาะกับสภาพผมของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่ซื้อตามกระแส มาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ได้หวีไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
1. วัสดุของแผ่นความร้อน (Heating Plate Material)
หัวใจสำคัญของหวีไฟฟ้าคือซี่หวีที่ให้ความร้อน ซึ่งวัสดุที่ใช้เคลือบนั้นมีผลโดยตรงต่อสุขภาพเส้นผมของคุณค่ะ
- เซรามิก (Ceramic): เป็นวัสดุยอดนิยมที่สุด ให้ความร้อนเร็วและสม่ำเสมอทั่วทั้งซี่หวี ช่วยให้หวีผมได้ลื่นไหลไม่สะดุด ลดการดึงรั้งเส้นผม เหมาะสำหรับผมทุกประเภท โดยเฉพาะคนผมเส้นเล็กและผมเสียที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- ทัวร์มาลีน (Tourmaline): มักจะมาในรูปแบบเคลือบทับบนเซรามิกอีกชั้น (Ceramic Tourmaline) คุณสมบัติเด่นคือการปล่อยประจุลบ (Negative Ions) เมื่อโดนความร้อน ซึ่งจะช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมเรียบลื่น ไม่ชี้ฟู และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เส้นผมดูเงางามสุขภาพดีอีกด้วย เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาผมแห้งและชี้ฟู
- ไทเทเนียม (Titanium): มีความทนทานสูง ร้อนเร็วมาก และให้ความร้อนได้สูงกว่าวัสดุอื่น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผมหนา ผมหยิก หรือผมที่จัดทรงยากมากๆ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะหากปรับอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้ผมเสียได้ง่าย
2. การปรับระดับอุณหภูมิ (Temperature Control)
หวีไฟฟ้าที่ดีควรสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้หลายระดับ เพื่อให้เหมาะกับสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันไป การใช้ความร้อนที่สูงเกินความจำเป็นคือสาเหตุหลักของผมเสียค่ะ
- ผมเส้นเล็ก / ผมทำสี / ผมเสีย: ควรใช้อุณหภูมิต่ำ ประมาณ 120-160 องศาเซลเซียส
- ผมปกติ / ผมสุขภาพดี: สามารถใช้อุณหภูมิปานกลาง ประมาณ 160-190 องศาเซลเซียส
- ผมหนา / ผมหยิก / ผมแข็งแรง: อาจต้องใช้อุณหภูมิสูงขึ้น ประมาณ 190-230 องศาเซลเซียส
แนะนำ: เลือกหวีไฟฟ้าที่มีหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิแบบดิจิทัล จะช่วยให้คุณควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำ
3. เทคโนโลยีไอออนิก (Ionic Technology)
อย่างที่เกริ่นไปในเรื่องวัสดุทัวร์มาลีน เทคโนโลยีไอออนิกคือการปล่อยประจุลบออกมาเพื่อต่อสู้กับประจุบวกในเส้นผมที่เกิดจากความแห้งเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุของไฟฟ้าสถิตและผมชี้ฟู ผลลัพธ์คือผมที่เรียบตรง เงางาม และนุ่มสลวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เจอปัญหาผมชี้ฟูง่าย การเลือกหวีไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากๆ
4. ขนาดและรูปทรงของหวี
ขนาดของหัวแปรงและรูปทรงก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกให้เหมาะกับความยาวและลักษณะของเส้นผม
- หัวแปรงขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับคนผมยาวและหนา เพราะช่วยให้หวีผมเสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- หัวแปรงขนาดเล็กหรือทรงรี: เหมาะสำหรับคนผมสั้นหรือผมประบ่า เพราะสามารถเข้าถึงโคนผมและจัดทรงบริเวณปลายผมได้ง่ายกว่า
5. ฟังก์ชันเสริมและระบบความปลอดภัย
ฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยให้การใช้งานสะดวกและปลอดภัยขึ้นมากค่ะ
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Auto Shut-off): เป็นฟังก์ชันที่สำคัญมาก ช่วยป้องกันอุบัติเหตุในกรณีที่คุณลืมปิดเครื่องหลังใช้งาน โดยเครื่องจะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานในระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่คือ 30-60 นาที)
- สายไฟหมุนได้ 360 องศา: ช่วยให้การใช้งานคล่องตัว ไม่ว่าคุณจะหมุนข้อมือไปทางไหนสายไฟก็จะไม่พันกัน
- ระบบ Ready to Use: สัญญาณไฟหรือเสียงเตือนเมื่อเครื่องทำความร้อนถึงอุณหภูมิที่ตั้งค่าไว้แล้ว พร้อมใช้งาน
- หวีไฟฟ้าไร้สาย (Cordless): เพิ่มความสะดวกสบายขั้นสุด เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้นอกสถานที่หรือเดินทาง แต่ต้องเช็คระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้ดี
เปิดลิสต์ 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ต้องมี! ผมตรงสวยไว ไม่ต้องง้อร้าน
มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว! เราได้รวบรวมหวีไฟฟ้ารุ่นเด็ดๆ จากแบรนด์ดังที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพ พร้อมเจาะลึกคุณสมบัติเด่นของแต่ละรุ่น เพื่อให้คุณเลือก “หวีแปรงไฟฟ้า” ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
1. Philips StyleCare Essential BHH880/00
เริ่มต้นกันที่แบรนด์ขวัญใจมหาชนอย่าง Philips รุ่นนี้ถือเป็นหวีไฟฟ้ารุ่นพื้นฐานที่คุณภาพคับแก้ว เหมาะสำหรับมือใหม่หรือคนที่ต้องการความง่ายและรวดเร็วในการจัดทรงผมตอนเช้า ด้วยดีไซน์ซี่หวี 3 รูปแบบที่ช่วยคลายปมผม จัดเรียงเส้นผม และให้ความร้อนไปพร้อมกัน ทำให้การหวีผมตรงเป็นเรื่องง่ายดาย จุดเด่นคือเทคโนโลยี ThermoProtect ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ป้องกันไม่ให้ความร้อนสูงเกินไปจนทำร้ายเส้นผม และแผ่นความร้อนเคลือบเซรามิกทัวร์มาลีนที่ช่วยให้หวีลื่นไหล ลดการเสียดสี ทั้งยังปล่อยประจุลบเพื่อลดผมชี้ฟูและเพิ่มความเงางาม การออกแบบหัวแปรงทรงไม้พายขนาดใหญ่ช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่เส้นผมได้มาก ทำให้ผมตรงสวยเสร็จไวในไม่กี่นาที เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี ThermoProtect: ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ป้องกันความร้อนสูงเกินไป
- แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิกทัวร์มาลีน: เพื่อผมเงางาม ลดการเสียดสี และปล่อยประจุลบ
- การตั้งค่าความร้อน 2 ระดับ: 170°C และ 200°C เหมาะกับสภาพผมที่แตกต่างกัน
- ดีไซน์ซี่หวี 3 รูปแบบ: ช่วยสางผมและจัดทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หัวแปรงทรงไม้พายขนาดใหญ่: ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก จัดทรงได้รวดเร็ว
- ร้อนเร็ว: พร้อมใช้งานใน 50 วินาที
- สายไฟยาว 1.8 เมตร: เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน
2. LESASHA Straight & Curl Hair Brush LS1365
สำหรับสาวๆ ที่รักความคุ้มค่าและหลากหลาย ต้องไม่พลาด LESASHA รุ่นนี้ที่ไม่ได้เป็นแค่หวีรีดผมตรงธรรมดา แต่ยังสามารถใช้ม้วนลอนที่ปลายผมได้อีกด้วย เรียกว่าซื้อ 1 ได้ถึง 2! ตัวแกนและซี่หวีเคลือบด้วย Nano Tourmaline ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนโดยตรงและปล่อยประจุลบเพื่อลดผมชี้ฟู ทำให้ผมที่ได้ดูสุขภาพดีและเงางาม สามารถปรับอุณหภูมิได้ถึง 4 ระดับ ตั้งแต่ 160 ถึง 220 องศาเซลเซียส พร้อมหน้าจอ Digital แสดงผลชัดเจน ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผม ไม่ว่าจะผมเส้นเล็กหรือผมหนาจัดทรงยากก็เอาอยู่ ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันและราคาที่เป็นมิตร ทำให้ LESASHA LS1365 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาวๆ ที่อยากได้ทั้งผมตรงและผมลอนในเครื่องเดียว
คุณสมบัติเด่น
- 2-in-1 Function: เป็นได้ทั้งหวีผมตรงและแกนม้วนผมลอน
- แกนเคลือบ Nano Tourmaline: ปกป้องเส้นผม ให้ความเงางาม และลดไฟฟ้าสถิต
- ปรับอุณหภูมิได้ 4 ระดับ: 160, 180, 200, 220 °C
- หน้าจอ Digital: แสดงอุณหภูมิชัดเจน ควบคุมง่าย
- ซี่หวี Anti-Scald: ซี่หวีนุ่มและมีปุ่มซิลิโคนป้องกันหนังศีรษะสัมผัสความร้อน
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: ปิดเครื่องเองหลังไม่ใช้งาน 30 นาที
- สายไฟหมุนได้ 360 องศา: ใช้งานสะดวก ไม่พันกัน
3. Create Ion AIRY & SHINY BRUSH IRON
ขยับมาที่แบรนด์พรีเมียมจากญี่ปุ่นอย่าง Create Ion ที่โดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีถนอมเส้นผมขั้นสุด รุ่นนี้เป็นหวีไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Create Ion® ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดยซี่หวีและแกนร้อนจะเคลือบด้วยแร่ธาตุหลายชนิดที่ปล่อยทั้ง Negative Ions และ Far Infrared Rays (FIR) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในเส้นผมได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผมตรงสวย นุ่มลื่น และเงางามเหมือนเพิ่งออกจากซาลอน นอกจากนี้ยังมีการออกแบบซี่หวีแบบพิเศษที่สามารถสอดเข้าไปในเส้นผมได้ง่าย ช่วยให้ความร้อนกระจายตัวอย่างทั่วถึง และตัวหวียังมีช่องลมสำหรับเป่าลมเย็นออกมาพร้อมกัน ช่วยล็อคทรงผมให้อยู่ตัวนานขึ้นและลดความร้อนสะสมบนเส้นผม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผมเสียและต้องการการบำรุงไปในตัว
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี Create Ion®: เคลือบไอออนลิขสิทธิ์เฉพาะ ช่วยให้ผมนุ่มชุ่มชื้น เงางาม
- ปล่อยประจุลบ (Negative Ions): ลดผมชี้ฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีช่องเป่าลมเย็น: ช่วยล็อคทรงและลดความร้อนสะสม
- ปรับอุณหภูมิได้ 2 ระดับ: 180°C และ 200°C
- ดีไซน์ซี่หวีพิเศษ: เข้าถึงเส้นผมได้ดี กระจายความร้อนทั่วถึง
- ระบบ Dual Voltage: ใช้งานได้ทั่วโลก
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: หลังไม่ใช้งาน 1 ชั่วโมง
4. Remington Keratin Protect Sleek & Smooth Heated Brush CB7480
แบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกาอย่าง Remington ก็มีหวีไฟฟ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รุ่นนี้ชูจุดเด่นด้วยแกนร้อนที่เคลือบด้วย Advanced Ceramic ผสานคุณค่าจากเคราติน (Keratin) และน้ำมันอัลมอนด์ (Almond Oil) ซึ่งจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาสู่เส้นผมขณะใช้งาน ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มสลวยและดูสุขภาพดีไปในตัว เทคโนโลยีไอออนิกช่วยจัดการปัญหาผมชี้ฟูได้อย่างอยู่หมัด ทำให้ได้ผมที่เรียบตรงอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ (150°C, 190°C, 230°C) เพื่อให้เหมาะกับสภาพผมที่หลากหลาย ตั้งแต่ผมเส้นเล็กไปจนถึงผมหนามาก ดีไซน์ของแปรงถูกออกแบบมาให้เข้าใกล้โคนผมได้มากที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่เรียบเนียนตั้งแต่โคนจรดปลาย นับเป็นหวีไฟฟ้าที่เน้นการบำรุงและถนอมเส้นผมอย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่น
- แกนเคลือบ Advanced Ceramic: ผสมเคราตินและน้ำมันอัลมอนด์เพื่อการบำรุง
- เทคโนโลยีไอออนิก: ลดไฟฟ้าสถิตและผมชี้ฟู
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: 150°C, 190°C, 230°C
- ร้อนเร็ว: พร้อมใช้งานใน 30 วินาที
- ดีไซน์ขอบแบน: ช่วยให้เข้าใกล้โคนผมได้มากขึ้น
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: ปลอดภัยหายห่วง
- สายไฟยาว 3 เมตร: เทียบเท่าอุปกรณ์ในซาลอน ใช้งานสะดวกมาก
5. Vivid & Vogue 3rd Generation Hair Straightener Brush
มาต่อกันที่แบรนด์ยอดฮิตในโลกออนไลน์อย่าง Vivid & Vogue ที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์ทำผมที่ใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ดีเกินราคา รุ่นนี้เป็นหวีไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นคือการใช้งานที่ง่ายมาก เพียงแค่กดปุ่มเดียวก็พร้อมใช้งานได้ทันที มีเทคโนโลยีไอออนลบช่วยลดผมชี้ฟู ทำให้ผมเรียบสวยไม่แห้งกระด้าง ตัวซี่หวีถูกออกแบบมาให้มีปุ่มซิลิโคนกันความร้อน ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะโดนแผ่นความร้อนโดยตรง ทำให้ปลอดภัยแม้จะใช้ใกล้โคนผม สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผม และยังมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานอีกด้วย ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่เริ่มต้นหัดใช้หวีไฟฟ้า
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีไอออนลบ: ช่วยให้ผมเรียบลื่น ลดการชี้ฟู
- ปรับระดับความร้อนได้: รองรับทุกสภาพเส้นผม (มักจะมี 5 ระดับ)
- ซี่หวีกันความร้อน: มีปุ่มซิลิโคนป้องกันการสัมผัสหนังศีรษะ
- ร้อนเร็ว: ไม่ต้องรอนานในชั่วโมงเร่งด่วน
- สายไฟหมุนได้ 360 องศา: เพิ่มความสะดวกในการจัดทรง
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
- ราคาเข้าถึงง่าย: คุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้รับ
6. Xiaomi Wellskins Negative Ion Hair Straightener Comb
แบรนด์เทคโนโลยีอย่าง Xiaomi ก็ลงมาเล่นในตลาดบิวตี้เช่นกัน และทำได้ดีเสียด้วย หวีไฟฟ้ารุ่นนี้จาก Wellskins (แบรนด์ในเครือ) เน้นดีไซน์ที่มินิมอลแต่ฟังก์ชันจัดเต็มตามสไตล์ Xiaomi มาพร้อมเทคโนโลยี MCH (Metal Ceramic Heater) ที่ทำให้ร้อนเร็วและรักษาอุณหภูมิได้คงที่มากๆ แน่นอนว่ามีระบบปล่อยประจุลบเพื่อต่อสู้กับผมชี้ฟูและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม ซี่หวีถูกออกแบบมาให้มีความหนาแน่นสูง ช่วยให้สางผมที่พันกันได้ง่ายและกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับผ่านหน้าจอ LED ที่ดูทันสมัยและใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีระบบ Anti-scald design รอบตัวแปรง ป้องกันการสัมผัสโดนผิวหนังโดยตรง ถือเป็นหวีไฟฟ้าที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดีไซน์ได้อย่างลงตัว
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีทำความร้อน MCH: ร้อนเร็วและอุณหภูมินิ่งเสถียร
- ปล่อยประจุลบ (Negative Ion): ลดไฟฟ้าสถิต ให้ผมนุ่มลื่น
- ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ: พร้อมหน้าจอ LED แสดงผล
- Anti-scald Design: ป้องกันความร้อนสัมผัสผิวหนัง
- ดีไซน์มินิมอล: สวยงามน่าใช้ตามแบบฉบับ Xiaomi
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ: เพื่อความปลอดภัย
- จดจำอุณหภูมิสุดท้ายที่ใช้: เปิดเครื่องครั้งถัดไป ไม่ต้องตั้งค่าใหม่
7. TSUYAGLA WAVE Hair Brush Iron
อีกหนึ่งแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคย TSUYAGLA (อ่านว่า ซึย่า-กล่า) มีหวีไฟฟ้าที่น่าสนใจเช่นกัน รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ผมตรงสวยแบบมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบน ตัวแปรงมักเคลือบด้วยเซรามิกคุณภาพดีที่ให้ความร้อนสม่ำเสมอและช่วยให้หวีลื่นไหล สามารถปรับอุณหภูมิได้ละเอียดหลายระดับ ทำให้เลือกใช้ความร้อนที่เหมาะสมกับผมได้ง่าย รุ่นใหม่ๆ มักจะมาพร้อมเทคโนโลยีไอออนิกเพื่อช่วยลดผมชี้ฟูด้วย การออกแบบตัวเครื่องมักจะคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ ทำให้จับถนัดมือและควบคุมทิศทางได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหวีไฟฟ้าคุณภาพดีมาตรฐานญี่ปุ่นที่เน้นการสร้างผมตรงสวยดูเป็นธรรมชาติ
คุณสมบัติเด่น
- ผลิตและออกแบบจากญี่ปุ่น: มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน
- แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิก: กระจายความร้อนได้ดีและสม่ำเสมอ
- ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ: (เช่น 120-220°C)
- อาจมีเทคโนโลยีไอออนิก: ในบางรุ่น เพื่อลดผมชี้ฟู
- ดีไซน์จับถนัดมือ: ควบคุมง่าย ไม่เมื่อย
- ระบบ Dual Voltage: พกพาไปใช้งานต่างประเทศได้
8. Amabella Straightening Brush (รุ่นไร้สาย)
ปฏิวัติการจัดแต่งทรงผมด้วยหวีไฟฟ้าไร้สายจาก Amabella! รุ่นนี้คือคำตอบสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือต้องการเติมสวยระหว่างวัน เพราะไม่มีสายไฟมาเกะกะให้วุ่นวายใจ ขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก ใส่ในกระเป๋าถือได้สบายๆ แม้จะตัวเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่เล็กตาม มาพร้อมเทคโนโลยีทำความร้อนที่รวดเร็วและแผ่นเคลือบเซรามิกเพื่อความเรียบลื่นและถนอมเส้นผม สามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับเพื่อให้เหมาะกับสภาพผมที่ต่างกัน ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C ทำให้สามารถชาร์จกับพาวเวอร์แบงค์หรือในรถได้เลย เป็นสุดยอดไอเทมสำหรับสาวๆ ที่ชีวิตไม่หยุดนิ่ง ต้องการผมสวยเป๊ะทุกที่ทุกเวลาอย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่น
- ดีไซน์ไร้สาย (Cordless): สะดวกสบาย พกพาง่ายขั้นสุด
- ขนาดกะทัดรัด: เหมาะสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าถือ
- ชาร์จผ่าน USB-C: สะดวก ชาร์จได้ทุกที่
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: (เช่น 160, 180, 200 °C)
- แผ่นความร้อนเคลือบเซรามิก: ช่วยให้ผมเรียบลื่น
- มีฝาครอบกันความร้อน: เพื่อความปลอดภัยในการพกพา
- ใช้งานได้ประมาณ 30-40 นาทีต่อการชาร์จเต็ม: เพียงพอสำหรับการจัดทรง 1-2 ครั้ง
9. Dyson Corrale™ (ใช้เป็นหวีรีดผมได้)
แม้ว่า Dyson Corrale™ จะเป็นเครื่องหนีบผม แต่ด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำสมัย ทำให้มันสามารถประยุกต์ใช้ในลักษณะคล้ายหวีรีดผมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อต้องการความเรียบเนียนขั้นสุด จุดเด่นที่สุดคือแผ่นความร้อน Flexing Plates ที่ทำจากทองแดงผสมแมงกานีส ซึ่งสามารถโค้งงอเพื่อโอบรับเส้นผมได้ ทำให้ใช้แรงกดน้อยลงและความร้อนกระจายตัวสม่ำเสมอ ลดการทำร้ายเส้นผมได้ถึง 50% สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะที่วัดอุณหภูมิ 100 ครั้งต่อวินาที ทำให้ความร้อนแม่นยำและไม่สูงเกินไป แม้ราคาจะสูงกว่าตัวอื่นหลายเท่าตัว แต่ถ้าคุณมองหาที่สุดของเทคโนโลยีถนอมเส้นผมและผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ Dyson Corrale™ คือคำตอบสุดท้าย
คุณสมบัติเด่น
- Flexing Plates: แผ่นความร้อนโค้งงอได้ โอบรับเส้นผม ลดการทำร้ายเส้นผม
- ใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย: เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
- Intelligent Heat Control: ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ แม่นยำสูงสุด
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ: 165°C, 185°C, and 210°C
- หน้าจอ OLED: แสดงระดับแบตเตอรี่ อุณหภูมิ และสถานะการชาร์จ
- พร้อมบิน (Flight-ready): ออกแบบให้พกพาขึ้นเครื่องบินได้
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติและ Safety Lock: เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
10. Panasonic 2-in-1 Straight & Curl Straightener EH-HV11
ปิดท้ายด้วยแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นอีกหนึ่งแบรนด์อย่าง Panasonic แม้รุ่นนี้จะเป็นเครื่องหนีบผมแบบ 2-in-1 แต่ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและแผ่นความร้อนที่ไม่กว้างจนเกินไป ทำให้สามารถใช้ในลักษณะของการ “หวี” หรือ “รูด” เส้นผมให้ตรงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จุดเด่นคือแผ่นความร้อนเคลือบด้วยโฟโต้เซรามิก (Photo Ceramic) ที่ช่วยรักษาสีผมที่ทำมาให้ติดทนนานขึ้น และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมได้ดีอีกด้วย ร้อนเร็วพร้อมใช้งานในเวลาเพียง 40 วินาที มีฝาครอบสำหรับจัดเก็บ ช่วยให้พกพาสะดวกและปลอดภัย เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่ต้องการอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ทำได้หลากหลายฟังก์ชันในเครื่องเดียวและเน้นการพกพา
คุณสมบัติเด่น
- 2-in-1 Function: หนีบตรงและม้วนลอนได้
- แผ่นความร้อนเคลือบ Photo Ceramic: ช่วยรักษาสีผมและความชุ่มชื้น
- ขนาดกะทัดรัด: พกพาง่าย พร้อมฝาครอบจัดเก็บ
- ร้อนเร็ว: พร้อมใช้ใน 40 วินาที
- อุณหภูมิสูงสุด 210°C: จัดทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบ Universal Voltage: ใช้ได้ทั่วโลก
- ดีไซน์เรียบง่าย: ใช้งานสะดวก ไม่ซับซ้อน
วิธีใช้หวีไฟฟ้าให้ผมตรงสวย ไม่แห้งเสีย ทำตามได้ง่ายๆ
ได้หวีไฟฟ้าคู่ใจมาแล้ว ก็ต้องใช้ให้ถูกวิธีด้วยนะคะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันไม่ให้ผมเสียในระยะยาว ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ดูค่ะ
- เริ่มต้นด้วยผมที่แห้งสนิท: นี่คือกฎเหล็กข้อแรก! ห้ามใช้หวีไฟฟ้ากับผมที่เปียกหรือหมาดๆ เด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ผมเสียอย่างรุนแรงแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าช็อตได้ ควรเป่าผมให้แห้งสนิท 100% ก่อนเสมอ
- สางผมก่อนเสมอ: ใช้หวีธรรมดาสางผมที่พันกันออกให้หมดก่อน เพื่อให้หวีไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ดึงรั้งเส้นผม
- ฉีดสเปรย์กันความร้อน (Heat Protectant): ขั้นตอนนี้ห้ามข้ามเด็ดขาด! การฉีดสเปรย์กันความร้อนให้ทั่วเส้นผมเปรียบเสมือนการใส่เกราะป้องกันให้ผม ช่วยลดความเสียหายจากความร้อนได้มาก
- แบ่งผมเป็นช่อๆ: การแบ่งผมเป็นช่อเล็กๆ (ความหนาประมาณ 1-2 นิ้ว) จะช่วยให้ความร้อนกระจายตัวเข้าถึงเส้นผมได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผมตรงสวยและเสร็จเร็วกว่าการพยายามหวีผมทั้งศีรษะในคราวเดียว
- เริ่มหวีจากด้านใน: เริ่มต้นหวีจากช่อผมด้านในบริเวณท้ายทอยก่อน โดยใช้มือข้างหนึ่งจับช่อผมให้ตึง แล้วใช้หวีไฟฟ้าค่อยๆ หวีจากโคนลงมาจรดปลายผมอย่างช้าๆ ทำซ้ำประมาณ 1-2 ครั้งต่อช่อ หรือจนกว่าจะพอใจ
- ค่อยๆ ทำไปทีละช่อ: ทำซ้ำขั้นตอนที่ 5 ไปเรื่อยๆ จนครบทุกช่อทั่วทั้งศีรษะ
- เก็บรายละเอียดและปิดท้าย: หลังจากหวีครบทุกช่อแล้ว ลองส่องกระจกดูและเก็บรายละเอียดในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย จากนั้นอาจจะใช้เซรั่มหรือออยล์บำรุงผมลูบเบาๆ ที่ปลายผมเพื่อเพิ่มความเงางามและจัดทรงให้อยู่ตัว
ตารางเปรียบเทียบ 10 หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2025
ยี่ห้อ/รุ่น | คุณสมบัติเด่นที่สุด | วัสดุ/เทคโนโลยี | ระดับความร้อน | เหมาะกับใคร |
---|---|---|---|---|
Philips BHH880/00 | เทคโนโลยี ThermoProtect ใช้ง่าย | เซรามิกทัวร์มาลีน | 170°C, 200°C | มือใหม่, คนที่ต้องการความรวดเร็ว |
LESASHA LS1365 | 2-in-1 ทำตรงและลอนได้ | นาโนทัวร์มาลีน | 160-220°C (4 ระดับ) | คนที่ชอบความหลากหลาย, คุ้มค่า |
Create Ion AIRY & SHINY | เทคโนโลยี Create Ion® ถนอมผมขั้นสุด | Create Ion® (ไอออน/FIR) | 180°C, 200°C | คนผมเสีย, กังวลเรื่องสุขภาพผม |
Remington CB7480 | แกนผสมเคราตินและอัลมอนด์ออยล์ | Advanced Ceramic + บำรุง | 150, 190, 230°C | คนที่ต้องการการบำรุงไปในตัว |
Vivid & Vogue 3rd Gen | ใช้งานง่าย ราคาเป็นมิตร | เซรามิก, ไอออนลบ | ปรับได้หลายระดับ | นักเรียน/นักศึกษา, งบน้อย |
Xiaomi Wellskins Comb | เทคโนโลยี MCH ร้อนเร็วและนิ่ง | MCH, ไอออนลบ | ปรับได้หลายระดับ (จอ LED) | คนชอบเทคโนโลยีและดีไซน์มินิมอล |
TSUYAGLA WAVE Brush | คุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ผมมีวอลลุ่ม | เซรามิก | ปรับได้หลายระดับ | คนที่ต้องการผมตรงแบบธรรมชาติ |
Amabella (ไร้สาย) | ไร้สาย พกพาสะดวกที่สุด | เซรามิก | 160, 180, 200°C | คนเดินทางบ่อย, ต้องการเติมสวยนอกบ้าน |
Dyson Corrale™ | เทคโนโลยี Flexing Plates ถนอมผมสูงสุด | Flexing Plates, Intelligent Heat | 165, 185, 210°C | คนงบสูง, ต้องการเทคโนโลยีที่ดีที่สุด |
Panasonic EH-HV11 | แผ่น Photo Ceramic รักษาสีผม | Photo Ceramic | สูงสุด 210°C | คนทำสีผม, ต้องการเครื่องขนาดเล็ก |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. หวีไฟฟ้าใช้กับผมเปียกได้ไหม?
คำตอบ: ไม่ได้เด็ดขาด! การใช้หวีไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ทำความร้อนทุกชนิดกับผมที่เปียกหรือหมาดจะทำให้เกล็ดผมเปิดและน้ำในเส้นผมเดือด ซึ่งจะทำลายโครงสร้างโปรตีนในเส้นผมอย่างรุนแรง ทำให้ผมแห้งเสีย เปราะขาดง่าย และอาจเกิดอันตรายจากไฟฟ้าช็อตได้ ควรใช้กับผมที่แห้งสนิท 100% เท่านั้น
2. ต้องทำความสะอาดหวีไฟฟ้าบ่อยแค่ไหน และทำอย่างไร?
คำตอบ: ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้) เพื่อกำจัดเส้นผม, ฝุ่น, และคราบผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ตกค้างอยู่ วิธีทำคือถอดปลั๊กและรอให้เครื่องเย็นสนิท จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือคอตตอนบัดเช็ดทำความสะอาดตามซอกซี่หวี ระวังอย่าให้น้ำเข้าตัวเครื่องเด็ดขาด
3. หวีไฟฟ้าทำให้ผมเสียเหมือนเครื่องหนีบผมไหม?
คำตอบ: หวีไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะทำร้ายเส้นผมน้อยกว่าเครื่องหนีบผม เนื่องจากความร้อนไม่ได้หนีบเส้นผมโดยตรง และมักมีอุณหภูมิสูงสุดที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนทุกชนิดก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผมเสียได้หากใช้ไม่ถูกวิธี เช่น ใช้บ่อยเกินไป หรือใช้อุณหภูมิสูงเกินความจำเป็น ดังนั้น การใช้สเปรย์กันความร้อนทุกครั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
4. หวีไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีไอออนิก (Ionic) ดีกว่าจริงหรือ?
คำตอบ: จริงค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาผมแห้งและชี้ฟู เทคโนโลยีไอออนิกมีประโยชน์มาก โดยการปล่อยประจุลบจะเข้าไปปรับสมดุลกับประจุบวกบนเส้นผม (ซึ่งเป็นสาเหตุของไฟฟ้าสถิต) ทำให้ผมเรียบขึ้น ไม่ชี้ฟู และยังช่วยให้เกล็ดผมปิดสนิท ส่งผลให้ผมดูเงางามและนุ่มนวลขึ้นด้วย
บทสรุป
การเลือก หวีไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี นั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะหวีที่ดีที่สุดคือหวีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และสภาพเส้นผมของคุณได้ดีที่สุด สำหรับวันเร่งรีบที่ต้องการความรวดเร็วและง่ายดาย Philips หรือ Vivid & Vogue อาจเป็นคำตอบ แต่หากคุณกังวลเรื่องผมเสียเป็นพิเศษและต้องการการถนอมเส้นผมขั้นสุด Create Ion หรือ Remington ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลงทุน หรือถ้าความคล่องตัวและการพกพาคือหัวใจหลัก หวีไฟฟ้าไร้สายอย่าง Amabella ก็จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ หวังว่าข้อมูลและรีวิวเจาะลึกทั้ง 10 รุ่นในบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการมีผมสวยสุขภาพดีคือการบำรุงและปกป้องเส้นผมควบคู่ไปกับการจัดแต่งทรงผมเสมอค่ะ
Image by: Element5 Digital
https://www.pexels.com/@element5