บทนำ: เผยผิวเนียนใสไร้ที่ติ ด้วย “คอนซีลเลอร์” ไอเทมคู่ใจที่ขาดไม่ได้
เคยไหมที่ต้องกังวลกับรอยสิวที่เพิ่งผุดขึ้นมาใหม่, รอยคล้ำใต้ตาที่เหมือนหมีแพนด้าจากการนอนดึก หรือสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจนทำให้ขาดความมั่นใจ? ปัญหาเหล่านี้คือสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต่โชคดีที่เรามี “ไม้กายสิทธิ์” ชิ้นสำคัญในกระเป๋าเครื่องสำอางที่เรียกว่า คอนซีลเลอร์ ซึ่งเป็นมากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์ปกปิด แต่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่ช่วยเรียกคืนความมั่นใจและเนรมิตผิวให้กลับมาเรียบเนียนสวยได้อย่างน่าอัศจรรย์ การตามหาว่าคอนซีลเลอร์ ยี่ห้อไหนดีที่ใช่สำหรับเราจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของใครหลายคน
ในบทความนี้ soodd.com จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของคอนซีลเลอร์ ตั้งแต่การทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร, วิธีเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข, ไปจนถึงเทคนิคการลงคอนซีลเลอร์ขั้นเทพที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นเมคอัพอาร์ทิสต์ของตัวเองได้ง่ายๆ และที่สำคัญที่สุด เราได้รวบรวมและคัดสรร สุดยอด 9 คอนซีลเลอร์แห่งปี 2025 ที่โดดเด่นเรื่องการปกปิดรอยสิว กลบใต้ตาหมองคล้ำได้เนียนสนิท ติดทนนาน หน้าไม่ดรอประหว่างวัน มาให้คุณได้พิจารณา ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดแต่งหน้าหรือเป็นผู้ที่ช่ำชองแล้วก็ตาม บทความนี้จะเป็นไกด์บุ๊กที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการค้นหาคอนซีลเลอร์คู่ใจ พร้อมแล้วหรือยังที่จะบอกลาร่องรอยกวนใจและเผยผิวสวยเป๊ะปังตลอดวัน? ไปเริ่มกันเลย!
คอนซีลเลอร์คืออะไร? และทำไมถึงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้
หลายคนอาจยังสับสนระหว่างคอนซีลเลอร์และรองพื้น แต่แท้จริงแล้วสองสิ่งนี้มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รองพื้น (Foundation) มีหน้าที่หลักในการปรับสีผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอและเรียบเนียนขึ้นในภาพกว้าง ในขณะที่ คอนซีลเลอร์ (Concealer) ถูกออกแบบมาเพื่อการ “ปกปิดเฉพาะจุด” ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ด้วยเม็ดสีที่เข้มข้นและเนื้อผลิตภัณฑ์ที่หนาแน่นกว่ารองพื้น ทำให้มันสามารถอำพรางจุดบกพร่องต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น:
- รอยสิวและรอยแดง: ศัตรูตัวฉกาจที่คอนซีลเลอร์สามารถจัดการได้อย่างหมดจด
- รอยคล้ำใต้ตา: ช่วยปรับให้ผิวบริเวณใต้ตาสว่างสดใสขึ้น ลดความโทรม ทำให้ใบหน้าดูตื่นและมีชีวิตชีวา
- จุดด่างดำและฝ้ากระ: ปกปิดรอยเม็ดสีต่างๆ เพื่อให้ได้ผิวที่เนียนเรียบไร้ที่ติ
- เส้นเลือดหรือรอยแผลเป็นเล็กๆ: ช่วยกลบร่องรอยที่ไม่พึงประสงค์ให้กลมกลืนไปกับสีผิว
นอกจากนี้ คอนซีลเลอร์ที่มีเฉดสีสว่างกว่าผิว ยังสามารถนำมาใช้เป็นไฮไลท์เตอร์ (Highlighter) เพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้าตามจุดต่างๆ เช่น สันจมูก โหนกแก้ม หรือหน้าผากได้อีกด้วย ด้วยความสามารถรอบด้านขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่คอนซีลเลอร์กลายเป็นไอเทม “Must-Have” ที่ผู้หญิงทุกคนควรมีติดกระเป๋าเครื่องสำอางไว้
เลือกคอนซีลเลอร์ยังไงให้ปัง? เคล็ดลับสำหรับมือใหม่และมือโปร
การเลือกคอนซีลเลอร์ที่ใช่ไม่ใช่แค่การเลือกสีที่ชอบ แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การลงทุนเวลาเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การแต่งหน้าของคุณง่ายขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติราวกับผิวดีมาตั้งแต่เกิด เรามาดูเคล็ดลับสำคัญในการเลือกกัน
1. เลือกจากประเภทเนื้อสัมผัส (Texture Matters)
เนื้อสัมผัสของคอนซีลเลอร์ส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานและการปกปิด ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและบริเวณที่ต้องการใช้งาน
- คอนซีลเลอร์เนื้อลิควิด (Liquid Concealer): เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะใช้งานง่าย เกลี่ยง่าย มีระดับการปกปิดให้เลือกตั้งแต่เบาบางไปจนถึงแน่น (Full Coverage) เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ใช้ได้ทั้งปกปิดรอยสิวและใต้ตา แต่สำหรับคนผิวแห้งมากควรเลือกรุ่นที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันการตกร่อง
- คอนซีลเลอร์เนื้อครีม (Cream Concealer): มักมาในรูปแบบตลับ (Pot/Jar) หรือพาเลตต์ มีเนื้อหนาแน่นกว่าแบบลิควิด ให้การปกปิดสูงมาก (Full Coverage) เหมาะสำหรับปกปิดรอยสิวหนักๆ รอยดำฝังลึก หรือรอยแผลเป็น ไม่ค่อยเหมาะกับใต้ตาสำหรับคนที่มีริ้วรอยเยอะ เพราะอาจตกร่องได้ง่าย เหมาะกับคนผิวธรรมดาถึงผิวมัน
- คอนซีลเลอร์แบบแท่ง (Stick Concealer): ใช้งานสะดวก พกพาง่าย เนื้อสัมผัสกึ่งครีมกึ่งแห้ง ให้การปกปิดปานกลางถึงสูง เหมาะสำหรับใช้เติมระหว่างวันหรือปกปิดรอยสิวเฉพาะจุด แต่ต้องระวังในการเกลี่ยเพราะเนื้ออาจจะหนาและเป็นคราบได้ง่ายหากไม่วอร์มผลิตภัณฑ์ก่อน
2. เลือกเฉดสีให้ตรงกับปัญหาผิว (The Right Shade for the Job)
การเลือกเฉดสีผิดอาจทำให้จุดที่ต้องการปกปิดเด่นชัดขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นควรเลือกสีให้เหมาะกับวัตถุประสงค์
- สำหรับปกปิดรอยคล้ำใต้ตา: ควรเลือกเฉดสีที่สว่างกว่าสีผิวจริงหรือรองพื้น 1-2 เฉด เพื่อช่วยกระจายแสงและทำให้ใต้ตาสว่างสดใสขึ้น การเลือกสีที่พอดีหรือเข้มไปจะยิ่งทำให้ใต้ตาดูเทาและโทรมกว่าเดิม
- สำหรับปกปิดรอยสิว จุดด่างดำ: ควรเลือกเฉดสีที่ตรงกับสีผิวหรือสีรองพื้นพอดีเป๊ะ เพื่อให้รอยนั้นกลมกลืนหายไปกับผิว การใช้สีสว่างเกินไปจะยิ่งเป็นการเน้นให้รอยสิวดูนูนและเด่นขึ้น
- คัลเลอร์คอร์เรคเตอร์ (Color Corrector): สำหรับปัญหาสีผิวที่เฉพาะเจาะจงมากๆ อาจต้องใช้คอร์เรคเตอร์เข้ามาช่วยก่อนลงคอนซีลเลอร์ เช่น สีเขียวสำหรับกลบรอยแดงจากสิว, สีพีช/ส้มสำหรับกลบรอยคล้ำใต้ตาที่ออกไปทางน้ำเงินหรือม่วง
3. เข้าใจเรื่องอันเดอร์โทน (Understanding Your Undertone)
อันเดอร์โทนคือโทนสีที่แท้จริงของผิวซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปตามความเข้มหรือความสว่างของสีผิว การเลือกคอนซีลเลอร์ให้ตรงกับอันเดอร์โทนจะทำให้เมคอัพดูเป็นธรรมชาติและไม่ลอย แบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ:
- โทนเย็น (Cool Undertone): ผิวอมชมพู เส้นเลือดที่ข้อมือเป็นสีม่วงหรือน้ำเงิน
- โทนอุ่น (Warm Undertone): ผิวอมเหลือง เส้นเลือดที่ข้อมือเป็นสีเขียว
- โทนธรรมชาติ (Neutral Undertone): ผิวไม่อมชมพูหรือเหลืองชัดเจน เส้นเลือดมีทั้งสีเขียวและสีม่วงปนกัน
เปิดโผ! แนะนำ 9 คอนซีลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่สุดแห่งการปกปิด
มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย! เราได้ทำการบ้านมาอย่างหนักเพื่อคัดเลือก 9 คอนซีลเลอร์ตัวเด็ดที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว ใต้ตาคล้ำ หรือต้องการงานผิวเนียนกริบ คัดมาแล้วว่าดีจริงในปี 2025 นี้
1. NARS Radiant Creamy Concealer
หากจะพูดถึงคอนซีลเลอร์ในตำนาน จะไม่พูดถึง NARS Radiant Creamy Concealer ไปไม่ได้เลย นี่คือผลิตภัณฑ์ที่เมคอัพอาร์ทิสต์ทั่วโลกและบิวตี้บล็อกเกอร์ต่างเทใจให้ ด้วยเนื้อครีมที่เนียนนุ่มแต่บางเบาอย่างน่าทึ่ง สามารถเกลี่ยลงบนผิวได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะใช้นิ้วมือ ฟองน้ำ หรือแปรงก็ตาม จุดเด่นคือการปกปิดที่ทำได้ดีเยี่ยม ตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงสูงสุด (Buildable Coverage) สามารถกลบรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้นทันทีโดยไม่ดูหนาโบ๊ะ นอกจากนี้ยังใช้ปกปิดรอยสิวและรอยแดงได้เนียนกริบ ติดทนนานตลอดวันโดยไม่ตกร่องหรือเป็นคราบ ด้วยเทคโนโลยีการกระจายแสงที่ช่วยเบลอริ้วรอยและข้อบกพร่องต่างๆ ทำให้ผิวดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ถือเป็นคอนซีลเลอร์สารพัดประโยชน์ที่ควรค่าแก่การลงทุนอย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: ปานกลาง – สูง (Buildable)
- ฟินิชลุค: สว่างกระจ่างใส (Radiant Finish)
- เนื้อสัมผัส: เนื้อครีมเนียนนุ่ม เกลี่ยง่าย
- จุดเด่น: เทคโนโลยีกระจายแสงช่วยเบลอผิว, ติดทนนาน, ไม่ตกร่อง
- เหมาะสำหรับ: ปกปิดใต้ตา, รอยสิว, จุดด่างดำ, เหมาะกับทุกสภาพผิว
- เฉดสี: มีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกอันเดอร์โทน
- ปราศจาก: แอลกอฮอล์, พาราเบน, และน้ำหอม
2. Tarte Shape Tape Contour Concealer
นี่คือราชาแห่งการปกปิดขั้นสุด (Full Coverage) ที่โด่งดังไปทั่วโลกโซเชียล Tarte Shape Tape คือคำตอบสุดท้ายสำหรับใครที่ต้องการพลังการปกปิดแบบเต็มพิกัด กลบรอยคล้ำใต้ตาได้มิดชิดเหมือนนอนมาเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมง หรือปกปิดรอยสิวที่เห็นเด่นชัดให้หายวับไปกับตา เนื้อคอนซีลเลอร์มีความเข้มข้นสูงแต่กลับเกลี่ยง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ที่เนียนสนิทไปกับผิว มาพร้อมหัวแปรงขนาดใหญ่ที่ช่วยให้การปาดเนื้อผลิตภัณฑ์ทำได้สะดวกรวดเร็ว ด้วยส่วนผสมจากเมล็ดมะม่วงและเชียบัตเตอร์ จึงช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นไปในตัว ทำให้เนื้อแมตต์แต่ไม่แห้งกร้าน และที่สำคัญคือคุณสมบัติ Tape Technology™ ที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ยึดเกาะผิวได้ดีเยี่ยม ติดทนนานตลอดวันโดยไม่ไหลเยิ้มหรือเป็นคราบ ใครที่มองหาคอนซีลเลอร์ตัวจบสำหรับปัญหาหนักๆ ต้องลองตัวนี้
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: สูงสุด (Full Coverage)
- ฟินิชลุค: แมตต์สนิท (Natural Matte Finish)
- เนื้อสัมผัส: เนื้อครีมเข้มข้นแต่เกลี่ยง่าย
- จุดเด่น: ปกปิดสูงสุด, ติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ, มีส่วนผสมบำรุง
- เหมาะสำหรับ: ปัญหาใต้ตาคล้ำมาก, รอยสิวรอยดำฝังลึก, ใช้เป็นไฮไลท์และคอนทัวร์
- หัวแปรง: Jumbo Speed Smoother™ ขนาดใหญ่ ใช้งานสะดวก
- Vegan: เป็นผลิตภัณฑ์ Vegan และ Cruelty-Free
3. Maybelline Instant Age Rewind Eraser Dark Circles Treatment Concealer
คอนซีลเลอร์ถูกและดีที่คุณภาพเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ Maybelline Instant Age Rewind ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยเอกลักษณ์หัวฟองน้ำคุชชั่นที่ใช้งานง่ายมาก เพียงแค่บิดๆ แล้วแต้มลงบนผิว จากนั้นใช้นิ้วหรือฟองน้ำเกลี่ยเบาๆ ก็จะได้ผิวที่เรียบเนียน เนื้อผลิตภัณฑ์บางเบาแต่ให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะกับปัญหาใต้ตาคล้ำ ด้วยส่วนผสมของโกจิเบอร์รี่และ Haloxyl ที่ช่วยบำรุงและลดเลือนรอยคล้ำในระยะยาว เนื้อสัมผัสไม่แห้งและไม่ตกร่องง่าย ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวบริเวณใต้ตาที่บอบบาง สามารถปกปิดรอยแดง รอยสิวเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี ให้ลุคงานผิวที่เป็นธรรมชาติ ไม่ดูหนาหนักจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับนักเรียนนักศึกษาหรือคนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้า
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: ปานกลาง
- ฟินิชลุค: เป็นธรรมชาติ ดูเป็นผิว
- เนื้อสัมผัส: ลิควิดบางเบา
- จุดเด่น: หัวฟองน้ำคุชชั่นใช้งานง่าย, มีส่วนผสมบำรุง, ไม่ตกร่องใต้ตา
- เหมาะสำหรับ: ปกปิดใต้ตาเป็นหลัก, รอยแดงเล็กน้อย
- ราคา: เข้าถึงง่าย คุณภาพเกินราคา
4. L’Oréal Infallible Full Wear Concealer
สำหรับใครที่เป็นแฟนของ Tarte Shape Tape แต่ต้องการตัวเลือกที่ราคาย่อมเยาลงมา L’Oréal Infallible Full Wear คือตัวตายตัวแทนที่ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย คอนซีลเลอร์รุ่นนี้มอบการปกปิดขั้นสุด (Full Coverage) ที่สามารถอำพรางทุกจุดบกพร่องได้อย่างไร้ร่องรอย เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นแต่ยังคงเกลี่ยได้ไม่ยาก ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ที่ติดทนนานถึง 24 ชั่วโมง ตามชื่อรุ่น “Infallible” ที่แปลว่าไม่ผิดพลาด มาพร้อมหัวแปรงขนาดใหญ่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็ว จุดเด่นที่สำคัญคือความสามารถในการกันน้ำ กันเหงื่อ และไม่หลุดลอกระหว่างวัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย หรือสำหรับคนที่มีผิวมันและต้องการเมคอัพที่ติดทนเป็นพิเศษ สามารถใช้ได้ทั้งปกปิดใต้ตา รอยสิว หรือแม้กระทั่งใช้แทนรองพื้นในวันที่ต้องการความรวดเร็ว
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: สูงสุด (Full Coverage)
- ฟินิชลุค: แมตต์
- เนื้อสัมผัส: ครีมมี่เข้มข้น
- จุดเด่น: ติดทนนาน 24 ชม., กันน้ำ กันเหงื่อ, ปกปิดสูงมาก
- เหมาะสำหรับ: ผิวมัน, ต้องการการปกปิดสูง, ใช้ในวันกิจกรรมหนักๆ
- หัวแปรง: ขนาดใหญ่พิเศษ ใช้งานง่าย
5. Dior Forever Skin Correct Concealer
ยกระดับงานผิวให้สวยหรูดูแพงด้วย Dior Forever Skin Correct คอนซีลเลอร์เนื้อดีจากแบรนด์ไฮเอนด์ที่มอบการปกปิดสูงแต่ให้ความรู้สึกสบายผิวอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นแบบครีมมี่ที่เกลี่ยง่ายและกลมกลืนไปกับผิวได้อย่างแนบเนียน ให้ฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติ ไม่แมตต์และไม่ฉ่ำจนเกินไป สามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ตาและจุดด่างดำต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ทำให้ผิวดูแห้งหรือตกร่อง ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากดอกแพนซีป่าที่ช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้คอนซีลเลอร์ตัวนี้ติดทนนานตลอดวันโดยที่ผิวยังคงดูสดชื่นและไม่ดรอป สามารถใช้ได้หลากหลาย ทั้งการปกปิดเฉพาะจุด, ใช้เป็นไฮไลท์, หรือแม้แต่ทาทั่วใบหน้าเป็นรองพื้นเนื้อบางเบาในวันที่ต้องการลุคสบายๆ เป็นคอนซีลเลอร์ที่ให้ทั้งการปกปิดและการบำรุงในขั้นตอนเดียว
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: สูง (Full Coverage)
- ฟินิชลุค: ธรรมชาติ (Natural Finish)
- เนื้อสัมผัส: ครีมมี่ ชุ่มชื้น
- จุดเด่น: เนื้อสบายผิว, มีส่วนผสมบำรุง, ไม่ตกร่อง, ติดทนนาน
- เหมาะสำหรับ: ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งและผิวธรรมดา, ผู้ที่ต้องการงานผิวสวยหรู
- Multi-use: ใช้ได้ทั้งเป็นคอนซีลเลอร์, ไฮไลท์, และรองพื้น
6. The Saem Cover Perfection Tip Concealer
คอนซีลเลอร์สัญชาติเกาหลีที่กลายเป็นไอเทมฮิตติดลมบนด้วยราคาที่น่ารักและคุณภาพที่สวนทาง The Saem เป็นคอนซีลเลอร์เนื้อลิควิดที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย โดดเด่นในเรื่องการปกปิดที่ทำได้ดีเกินคาด สามารถกลบรอยสิว รอยแดง และใต้ตาคล้ำได้เนียนสนิท เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นแต่เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบระหว่างวัน และให้ฟินิชลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนาหนักจนเกินไป จุดเด่นอีกอย่างคือการมีสารป้องกันแสงแดด SPF28/PA++ มาให้ด้วย ซึ่งช่วยปกป้องผิวในบริเวณที่บอบบางไปอีกชั้นหนึ่ง มีเฉดสีให้เลือกหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อโทนสีผิวของคนเอเชียโดยเฉพาะ เป็นคอนซีลเลอร์ที่ครบเครื่องทั้งในเรื่องการปกปิด ความติดทน และราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นตัวเลือกแรกๆ ของใครหลายคน
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: ปานกลาง – สูง
- ฟินิชลุค: ธรรมชาติ
- เนื้อสัมผัส: ลิควิด เกลี่ยง่าย
- จุดเด่น: ราคาถูกและดี, ปกปิดเนียน, มี SPF28/PA++, เหมาะกับผิวคนเอเชีย
- เหมาะสำหรับ: ปกปิดรอยสิว, ใต้ตา, การใช้งานในชีวิตประจำวัน
- รางวัล: ได้รับรางวัลด้านความงามมากมายในเกาหลี
7. Hourglass Vanish Airbrush Concealer
ที่สุดของความเนียนกริบเหมือนใส่ฟิลเตอร์ต้องยกให้ Hourglass Vanish Airbrush Concealer ตัวนี้สมชื่อ “Airbrush” จริงๆ เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์มีความบางเบาแต่เม็ดสีแน่นมาก สามารถปกปิดได้อย่างเรียบเนียนไร้ที่ติราวกับผ่านการรีทัชมาแล้ว เนื้อคอนซีลเลอร์เป็นลิควิดที่เซ็ตตัวได้ดี ไม่ไหลเยิ้ม และเบลอรูขุมขนกับริ้วรอยเล็กๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยเทคโนโลยี Microspherical Powders ที่ช่วยกระจายแสงและสร้างเอฟเฟกต์ซอฟต์โฟกัสให้กับผิว ทำให้ผิวดูสมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง หัวแปรงออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงซอกมุมต่างๆ ของใบหน้าได้ง่าย ที่สำคัญคือติดทนนาน กันน้ำ และไม่ตกร่องแม้ผ่านไปหลายชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการงานผิวเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญหรืองานที่ต้องเจอแสงแฟลช
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: สูง (Full Coverage)
- ฟินิชลุค: ธรรมชาติเหมือนผิวจริง (Natural, Skin-like Finish)
- เนื้อสัมผัส: ลิควิดบางเบา เม็ดสีแน่น
- จุดเด่น: เบลอรูขุมขนและริ้วรอย (Airbrush effect), ติดทนนาน 16 ชม., กันน้ำ, ไม่ตกร่อง
- เหมาะสำหรับ: งานผิวเพอร์เฟกต์, วันออกงาน, ทุกสภาพผิว
- Vegan: เป็นผลิตภัณฑ์ Vegan และ Cruelty-Free
8. LA Girl Pro. Conceal HD Concealer
อีกหนึ่งคอนซีลเลอร์ในตำนานจากฝั่งอเมริกาที่ราคาเบาๆ แต่คุณภาพคับแก้ว LA Girl Pro. Conceal เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างแต่งหน้าและบิวตี้ยูทูปเบอร์ ด้วยเนื้อสัมผัสแบบครีมมี่ที่เกลี่ยง่ายและไม่เป็นคราบ ให้การปกปิดที่ดี สามารถบิ้วด์เพิ่มได้ตามต้องการโดยไม่ทำให้ดูหนาเตอะ สามารถใช้ได้ทั้งปกปิดรอยสิว จุดด่างดำ และใต้ตา จุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้คือการมีเฉดสีให้เลือกเยอะมากกก ตั้งแต่เฉดสีผิวธรรมดาไปจนถึงเฉดสีคัลเลอร์คอร์เรคเตอร์ (เขียว, ส้ม, เหลือง, ม่วง) ทำให้สามารถจัดการกับทุกปัญหาสีผิวได้อย่างมืออาชีพในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ บรรจุภัณฑ์เป็นแบบหลอดบีบปลายพู่กันทำให้ควบคุมปริมาณผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและถูกสุขอนามัย
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: ปานกลาง – สูง (Buildable)
- ฟินิชลุค: ธรรมชาติ
- เนื้อสัมผัส: ครีมมี่ ไม่แห้ง
- จุดเด่น: มีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก รวมถึงคัลเลอร์คอร์เรคเตอร์, ราคาถูก, ปกปิดดี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการคอร์เรคเตอร์, มือใหม่, ปกปิดได้หลากหลาย
- บรรจุภัณฑ์: แบบหลอดบีบปลายพู่กัน ใช้งานสะดวก
9. Clear Nose Acne Care Solution Concealer
ปิดท้ายด้วยคอนซีลเลอร์สำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะจากแบรนด์ Clear Nose ที่เข้าใจปัญหาผิวของคนไทยเป็นอย่างดี นี่ไม่ใช่แค่คอนซีลเลอร์ที่ช่วยปกปิดรอยสิว แต่ยังเป็น “คอนซีลเลอร์ทาสิว” ที่มีส่วนผสมช่วยดูแลและลดการอักเสบของสิวไปในตัว ด้วยเทคโนโลยี Anti-acne ที่ช่วยให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เนื้อผลิตภัณฑ์บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขนเพิ่ม ให้การปกปิดรอยแดงรอยสิวในระดับปานกลาง ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับใช้ในวันสบายๆ หรือในวันที่ต้องการพักหน้าแต่ยังอยากปกปิดรอยสิวอยู่ ใครที่กำลังรักษาสิวและมองหาคอนซีลเลอร์ที่อ่อนโยนและช่วยรักษาสิวได้ด้วย ตัวนี้คือคำตอบที่ดีที่สุด
คุณสมบัติเด่น:
- การปกปิด: บางเบา – ปานกลาง
- ฟินิชลุค: ธรรมชาติ
- เนื้อสัมผัส: ลิควิดบางเบา
- จุดเด่น: มีส่วนผสมช่วยลดการอักเสบของสิว, อ่อนโยน, ไม่อุดตัน, เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
- เหมาะสำหรับ: คนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย
- ปราศจาก: น้ำหอม 100%
ตารางเปรียบเทียบ 9 คอนซีลเลอร์ตัวท็อป 2025
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้สรุปข้อมูลสำคัญของคอนซีลเลอร์ทั้ง 9 ยี่ห้อมาไว้ในตารางเปรียบเทียบนี้แล้ว
ยี่ห้อ/รุ่น | การปกปิด | เนื้อสัมผัส | เหมาะสำหรับ | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|
NARS Radiant Creamy | ปานกลาง – สูง | ครีมมี่ | ใต้ตา, รอยสิว (ทุกสภาพผิว) | กระจายแสง, ไม่ตกร่อง, ติดทน |
Tarte Shape Tape | สูงสุด | เข้มข้น (แมตต์) | ใต้ตาคล้ำมาก, รอยสิวหนัก | ปกปิดสูงสุด, กันน้ำ, ติดทนมาก |
Maybelline Instant Age Rewind | ปานกลาง | ลิควิดบางเบา | ใต้ตาโดยเฉพาะ | หัวฟองน้ำใช้ง่าย, มีสารบำรุง |
L’Oréal Infallible Full Wear | สูงสุด | ครีมมี่เข้มข้น (แมตต์) | ผิวมัน, ต้องการความทนทานสูง | กันน้ำ กันเหงื่อ, ติดทน 24 ชม. |
Dior Forever Skin Correct | สูง | ครีมมี่ชุ่มชื้น | ผิวแห้ง, ต้องการงานผิวสวยหรู | สบายผิว, มีสารบำรุง, ไม่ตกร่อง |
The Saem Cover Perfection | ปานกลาง – สูง | ลิควิด | ใช้ได้ทุกวัน, ผิวคนเอเชีย | ราคาดี, มีกันแดด, ปกปิดเนียน |
Hourglass Vanish Airbrush | สูง | ลิควิดบางเบา | ต้องการงานผิวเพอร์เฟกต์, ออกงาน | เบลอผิวเหมือน Airbrush, ติดทน |
LA Girl Pro. Conceal HD | ปานกลาง – สูง | ครีมมี่ | ผู้ที่ต้องการคอร์เรคเตอร์ | มีเฉดสีเยอะมาก, ราคาถูก |
Clear Nose Acne Care | บางเบา – ปานกลาง | ลิควิดบางเบา | คนเป็นสิว, ผิวแพ้ง่าย | ช่วยรักษาสิว, อ่อนโยน, ไม่อุดตัน |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ควรลงคอนซีลเลอร์ก่อนหรือหลังรองพื้น?
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ลงรองพื้นก่อนเพื่อปรับสีผิวโดยรวม จากนั้นจึงใช้คอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดเฉพาะจุดที่รองพื้นยังเอาไม่อยู่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณใช้คอนซีลเลอร์ในปริมาณที่น้อยลงและได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า แต่หากคุณใช้คัลเลอร์คอร์เรคเตอร์ (เช่น สีเขียวกลบรอยแดง) ควรลงคอร์เรคเตอร์ก่อน แล้วตามด้วยรองพื้นและคอนซีลเลอร์สีเนื้อทับอีกที
2. ทำอย่างไรไม่ให้คอนซีลเลอร์ใต้ตาตกร่อง?
เคล็ดลับสำคัญคือการเตรียมผิว! ต้องทาอายครีมให้ความชุ่มชื้นก่อนเสมอ รอให้ครีมซึมสักครู่แล้วค่อยลงคอนซีลเลอร์ในปริมาณน้อยๆ เฉพาะบริเวณร่องน้ำตาด้านในและหางตาด้านนอก แล้วใช้นิ้วนางหรือฟองน้ำค่อยๆ แตะเบาๆ ให้เนื้อผลิตภัณฑ์กระจายตัว อย่าปาดแรงๆ จากนั้นเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสง (Translucent Powder) ในปริมาณเล็กน้อยโดยใช้แปรงแตะเบาๆ เพื่อให้คอนซีลเลอร์อยู่ตัวและไม่เคลื่อนที่
3. สามารถใช้คอนซีลเลอร์โดยไม่ลงรองพื้นได้หรือไม่?
ได้แน่นอน! ในวันที่ต้องการลุคสบายๆ หรือเร่งรีบ การใช้คอนซีลเลอร์เพียงอย่างเดียวเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้หน้าดูสดใสขึ้นได้ เพียงแค่แต้มคอนซีลเลอร์ในจุดที่ต้องการปกปิด เช่น ใต้ตา, ข้างจมูก, และรอยสิวต่างๆ จากนั้นเกลี่ยให้เนียนไปกับผิว แล้วเซ็ตด้วยแป้งฝุ่น ก็จะได้ลุค “No Makeup” Makeup ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่หนักผิว
4. คอนซีลเลอร์กับคัลเลอร์คอร์เรคเตอร์ต่างกันอย่างไร?
คอนซีลเลอร์ มีสีในโทนสีเนื้อ (Beige) หน้าที่หลักคือ “ปกปิด” ให้กลมกลืนไปกับสีผิว ส่วน คัลเลอร์คอร์เรคเตอร์ มีสีต่างๆ เช่น เขียว, ส้ม, ม่วง, เหลือง หน้าที่หลักคือการ “ปรับแก้” หรือ “หักล้าง” โทนสีของปัญหาผิวก่อนการปกปิด เช่น ใช้สีเขียวหักล้างรอยแดงจากสิว หรือใช้สีส้มหักล้างรอยคล้ำใต้ตาโทนน้ำเงิน/ม่วง จากนั้นจึงต้องลงคอนซีลเลอร์สีเนื้อทับอีกครั้งเพื่อให้ผิวดูสม่ำเสมอ
บทสรุป
การเลือกคอนซีลเลอร์ ยี่ห้อไหนดีอาจดูเป็นเรื่องท้าทาย แต่เมื่อคุณเข้าใจถึงประเภทของเนื้อสัมผัส การเลือกเฉดสีและอันเดอร์โทนที่ถูกต้อง รวมถึงเทคนิคการใช้งานที่เหมาะสมแล้ว การมีผิวสวยเนียนกริบก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป คอนซีลเลอร์ทั้ง 9 แบรนด์ที่เราได้คัดสรรและแนะนำมาในวันนี้ล้วนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม มีจุดเด่นและตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่แบรนด์ราคาน่ารักที่คุณภาพเกินตัว ไปจนถึงแบรนด์ไฮเอนด์ที่มอบประสบการณ์งานผิวสุดหรู
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “ใช่” สำหรับคุณ เหมาะกับสภาพผิว ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของคุณมากที่สุด เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือชั้นดีที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อคอนซีลเลอร์คู่ใจตัวใหม่ในปี 2025 ได้ง่ายขึ้น และพร้อมที่จะเผยผิวสวยสมบูรณ์แบบ เสริมสร้างความมั่นใจในทุกๆ วันได้อย่างเต็มที่
Image by: Anderson Guerra
https://www.pexels.com/@andersonguerra