Posted in

แนะนำ 9 บลัชออน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สีสวย ติดทน ถูกใจสายแต่งหน้า

เคยไหมคะที่ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าใบหน้าดูเหนื่อยล้า ซีดเซียว หรือขาดมิติ? ปัญหานี้แก้ได้ง่ายกว่าที่คิดด้วยไอเท็มมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “บลัชออน” ค่ะ เพียงแค่ปัดเบาๆ บนพวงแก้ม ก็สามารถเปลี่ยนลุคให้ดูสดใส มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ราวกับได้นอนเต็มอิ่มมา 8 ชั่วโมง! แต่ในตลาดเครื่องสำอางที่มีบลัชออนมากมายละลานตา ทั้งเนื้อฝุ่น เนื้อครีม เนื้อลิควิด สารพัดเฉดสี การจะเลือกหา บลัชออน ยี่ห้อไหนดี ที่ทั้งสีสวยถูกใจ ติดทนนานตลอดวัน และเข้ากับสไตล์ของเราจริงๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวได้เหมือนกัน บทความนี้จึงขออาสาเป็นผู้ช่วยของคุณเองค่ะ เราได้รวบรวมและคัดสรรสุดยอดบลัชออนแห่งปี 2025 มาให้ถึง 9 ตัวเด็ด พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุม ตั้งแต่วิธีการเลือกให้เหมาะกับสีผิว เทคนิคการปัดให้สวยเป๊ะ ไปจนถึงรีวิวแบบจัดเต็ม รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะเจอเพื่อนซี้คู่ใจคนใหม่ที่ช่วยเนรมิตพวงแก้มสวยสุขภาพดีได้อย่างแน่นอนค่ะ

ทำไมบลัชออนถึงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้? เผยความลับของพวงแก้มสวยสุขภาพดี

หลายคนอาจมองว่าบลัชออนเป็นเพียงเครื่องสำอางที่ใช้เติมสีสัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว บทบาทของมันล้ำลึกกว่านั้นมากค่ะ บลัชออนคือศิลปินที่ช่วยสร้างมิติและความสมดุลให้กับใบหน้า การปัดแก้มที่ถูกตำแหน่งและถูกเฉดสีสามารถช่วยปรับแก้รูปหน้าได้ เช่น ทำให้หน้ากลมดูเรียวขึ้น หรือทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้น นอกจากนี้ สียังมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก การมีพวงแก้มสีระเรื่ออมชมพูหรือสีส้มปะการัง จะช่วยสร้างลุคที่ดูอ่อนเยาว์ สดใส และดูสุขภาพดีจากภายใน เหมือนคนที่เพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่การแต่งหน้าส่วนอื่นให้ไม่ได้ การใช้บลัชออนจึงเปรียบเสมือนการเติม “ชีวิต” ให้กับเมคอัพลุคโดยรวม ทำให้ใบหน้าที่อาจจะดูเรียบแบนหลังลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์กลับมามีมิติและความน่าสนใจอีกครั้ง ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแต่งหน้าจัดเต็มหรือสายมินิมอล บลัชออนก็ถือเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่ควรมีติดกระเป๋าไว้เสมอค่ะ

วิธีเลือกบลัชออน ยี่ห้อไหนดี ให้เข้ากับสีผิวและสไตล์ของคุณ

การจะหาบลัชออนที่ใช่ที่สุดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดังของแบรนด์หรือสีที่กำลังเป็นกระแสเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาถึงประเภทของผลิตภัณฑ์และโทนสีผิวของเราเป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูสวยเป็นธรรมชาติและติดทนนานที่สุด การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การตัดสินใจเลือก บลัชออน ยี่ห้อไหนดี ง่ายขึ้นมากค่ะ

เลือกจากประเภทของบลัชออน

บลัชออนในปัจจุบันมีหลากหลายเนื้อสัมผัส ซึ่งแต่ละแบบก็ให้ฟินิชลุคและเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกันไป มาดูกันว่ามีแบบไหนบ้าง

  • บลัชออนเนื้อฝุ่น (Powder Blush): เป็นประเภทที่คลาสสิกและได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์หรือมีชิมเมอร์เล็กน้อย ควบคุมความเข้มของสีได้ง่ายโดยการค่อยๆ บิ้วด์เพิ่มทีละชั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีสภาพผิวมันหรือผิวผสม เพราะเนื้อฝุ่นจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เล็กน้อย ทำให้เมคอัพติดทนยิ่งขึ้น
  • บลัชออนเนื้อครีม (Cream Blush): กำลังมาแรงสุดๆ ในยุคนี้ เพราะให้ลุคแก้มฉ่ำวาว ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ เหมือนมีเลือดฝาดมาจากข้างใน เหมาะสำหรับคนผิวแห้งและผิวธรรมดา เนื้อครีมจะเกลี่ยง่าย เนียนไปกับผิว สามารถใช้นิ้วมือหรือฟองน้ำเกลี่ยได้เลย ข้อดีคือให้ความชุ่มชื้นและติดทน แต่สำหรับคนผิวมันอาจจะต้องเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นทับเพื่อป้องกันการเป็นคราบระหว่างวัน
  • บลัชออนเนื้อลิควิด/น้ำ (Liquid/Water Blush): เป็นบลัชออนที่มีพิกเมนต์สีเข้มข้นและชัดเจนที่สุด เพียงแค่แตะนิดเดียวก็ให้สีที่สดชัดแล้ว จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเกลี่ยให้ดี ให้ฟินิชที่ดูเป็นธรรมชาติและติดทนนานมาก เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แต่ต้องเกลี่ยอย่างรวดเร็วก่อนที่เนื้อผลิตภัณฑ์จะเซ็ตตัว
  • บลัชออนแบบแท่ง (Stick Blush): ใช้งานสะดวก พกพาง่าย แค่ปาดลงบนแก้มแล้วใช้นิ้วหรือแปรงเบลนด์ให้เข้ากัน ส่วนใหญ่จะมีเนื้อสัมผัสเป็นแบบครีมมี่ ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติและสามารถใช้เติมระหว่างวันได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและชอบแต่งหน้าแบบ on-the-go

เลือกสีบลัชออนให้เข้ากับโทนสีผิว (Skintone)

การเลือกเฉดสีที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้การปัดแก้มของคุณดูสวยกลมกลืน ไม่โดดหรือลอยออกมา โดยเราสามารถแบ่งตามอันเดอร์โทนของผิวได้ดังนี้

  • ผิวขาวอมชมพู (Fair Skin with Cool Undertones): ควรเลือกบลัชออนโทนสีชมพูอ่อน ชมพูเบบี้พิงค์ หรือสีชมพูอมม่วงไลแลค จะช่วยขับผิวให้ดูสว่างและสดใสเป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงสีที่เข้มหรืออมส้มมากเกินไปเพราะอาจทำให้หน้าดูหมองได้
  • ผิวขาวเหลือง (Fair/Light Skin with Warm Undertones): เหมาะกับบลัชออนโทนสีพีช สีส้มปะการัง (Coral) หรือสีชมพูอมส้ม จะช่วยเสริมให้ผิวดูสุขภาพดีและอบอุ่นขึ้น สีเหล่านี้จะเบลนด์เข้ากับโทนสีผิวเหลืองได้ดี ทำให้แก้มดูมีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผิวสองสี / ผิวสีน้ำผึ้ง (Medium/Tan Skin): เป็นโทนสีผิวที่โชคดีมากเพราะสามารถใช้บลัชออนได้หลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีชมพูอมน้ำตาล สีส้มอิฐ สีบรอนซ์ ไปจนถึงสีม่วงอมแดง (Mauve) สีเหล่านี้จะช่วยขับผิวให้ดูโกลว์สวยและมีมิติยิ่งขึ้น
  • ผิวเข้ม (Deep Skin): ควรเลือกบลัชออนที่มีพิกเมนต์สีสดชัด เช่น สีแดงอิฐ สีส้มเข้ม สีชมพูบานเย็น หรือสีเบอร์รีเข้มๆ สีเหล่านี้จะปรากฏบนผิวเข้มได้อย่างสวยงามและโดดเด่น ไม่ทำให้หน้าดูซีดหรือเทา ควรหลีกเลี่ยงสีอ่อนๆ หรือสีพาสเทลเพราะอาจจะมองไม่เห็นบนผิว

เปิดกรุ! แนะนำ 9 บลัชออน ยี่ห้อไหนดีที่สุดแห่งปี 2025

และแล้วก็มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย! เราได้คัดเลือกบลัชออนตัวท็อป 9 รุ่นที่โดดเด่นทั้งในเรื่องคุณภาพ เฉดสี และความนิยม มาให้สาวๆ ได้อัปเดตกัน มีตั้งแต่เคาน์เตอร์แบรนด์ระดับตำนานไปจนถึงแบรนด์ดรักสโตร์คุณภาพเยี่ยม รับรองว่ามีตัวที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอน

1. Dior Rosy Glow Blush

หากพูดถึงบลัชออนในตำนานที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันจะต้องมีชื่อของ Dior Rosy Glow Blush ติดโผมาด้วยอย่างแน่นอน ความพิเศษของบลัชออนรุ่นนี้อยู่ที่เทคโนโลยี “Color Reviver” ที่เนื้อบลัชจะทำปฏิกิริยากับค่า pH และระดับความชุ่มชื้นบนผิวของแต่ละคน ทำให้ได้เฉดสีชมพูระเรื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร เนื้อบลัชออนแบบฝุ่นอัดแข็งเนียนละเอียด ปัดง่าย ให้ฟินิชลุคที่ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ เหมือนแก้มมีเลือดฝาดอมชมพูมาตั้งแต่เกิด แม้ราคาจะสูงตามแบบฉบับเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ด้วยคุณภาพที่คับแก้วและความพิเศษของเฉดสี ทำให้มันกลายเป็นไอเท็มที่คุ้มค่าแก่การลงทุนสำหรับคนที่ต้องการบลัชออนที่ให้ผลลัพธ์ดูสวยแพงและเป็นธรรมชาติขั้นสุด ไม่ว่าจะปัดไปทำงานหรือออกงานสำคัญก็เอาอยู่ทุกลุคค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยี Color Reviver: สร้างสรรค์เฉดสีชมพูระเรื่อที่ปรับไปตามค่า pH ของผิวแต่ละคน
  • เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด: เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ให้ฟินิชลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • พิกเมนต์สีชัดเจน: ให้สีที่กำลังพอดี สามารถบิ้วด์เพิ่มความเข้มได้ตามต้องการ
  • แพ็กเกจจิ้งหรูหรา: ตลับสีเงินพร้อมโลโก้ Dior อันเป็นเอกลักษณ์ สวยงามน่าใช้
  • ติดทนนาน: สีสันติดทนบนพวงแก้มได้ดีตลอดทั้งวัน

2. Rare Beauty Soft Pinch Liquid Blush

สร้างปรากฏการณ์ไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลกับ Rare Beauty Soft Pinch Liquid Blush บลัชออนเนื้อลิควิดจากแบรนด์ของเซเลน่า โกเมซ ที่ขึ้นชื่อเรื่องพิกเมนต์สีที่แน่นจัดชัดจริง! เพียงแค่แตะจุดเล็กๆ แค่จุดเดียวก็สามารถเบลนด์สีให้สวยฟุ้งได้ทั่วทั้งแก้มแล้ว ทำให้ขวดนึงใช้ได้นานจนลืมไปเลย รุ่นนี้มีให้เลือกทั้งฟินิชแบบแมตต์ (Matte) และแบบฉ่ำวาว (Dewy) ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลุค เนื้อบลัชเกลี่ยง่ายมาก สามารถใช้นิ้วมือ แปรง หรือฟองน้ำก็ได้ ไม่เป็นคราบ และที่สำคัญคือความติดทนนานขั้นสุด ทาตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ยังคงเห็นสีชัดเจนอยู่ เป็นไอเท็มที่เหมาะสำหรับคนที่มองหา บลัชออนติดทน และให้สีที่สดใสมีชีวิตชีวา ใครได้ลองเป็นต้องหลงรักในความจิ๋วแต่แจ๋วของบลัชออนตัวนี้ค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • พิกเมนต์สีเข้มข้นสูง: ใช้ในปริมาณน้อยมากแต่ให้สีที่ชัดเจนและสดใส
  • มี 2 ฟินิชให้เลือก: ทั้งแบบ Matte และ Dewy (ฉ่ำวาว)
  • สูตร Long-Lasting: ติดทนนานตลอดวัน กันน้ำ กันเหงื่อได้ดี
  • เกลี่ยง่าย: เนื้อลิควิดบางเบา สามารถเบลนด์ให้เนียนไปกับผิวได้อย่างง่ายดาย
  • Vegan & Cruelty-Free: เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์และไม่มีส่วนผสมจากสัตว์
  • เฉดสีหลากหลาย: มีสีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่โทนชมพู ส้ม แดง ไปจนถึงม่วง

3. NARS Blush

เมื่อพูดถึงบลัชออน จะไม่พูดถึง NARS Blush คงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะสีระดับตำนานอย่าง “Orgasm” ที่เป็นเฉดสีชมพูอมพีชผสมชิมเมอร์สีทองละเอียด ที่ว่ากันว่าเป็นสีที่เข้าได้กับทุกโทนสีผิวอย่างแท้จริง ปัดแล้วให้ลุคแก้มโกลว์สวย สุขภาพดี เหมือนผิวโดนแดดอ่อนๆ NARS Blush เป็นบลัชออนเนื้อฝุ่นที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของพิกเมนต์ที่แน่น สีสวยคมชัด และเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มดุจแพรไหม แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพและความคลาสสิกของมันทำให้ยังคงเป็นที่รักของเมคอัพอาร์ทิสต์และบิวตี้บล็อกเกอร์ทั่วโลกเสมอมา หากคุณกำลังมองหา บลัชออน ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นเหมือน The Must-Have Item การมี NARS Blush ติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้สักตลับ รับรองว่าไม่มีผิดหวังค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • เฉดสีระดับไอคอนิก: โดยเฉพาะสี Orgasm, Deep Throat และ Dolce Vita ที่เป็นที่รู้จักและขายดีตลอดกาล
  • พิกเมนต์สีสดชัด: ปัดเพียงเล็กน้อยก็ได้สีที่ชัดเจนและสวยงาม
  • เนื้อเนียนละเอียด: เกลี่ยง่าย ไม่จับตัวเป็นก้อน ให้ฟินิชที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • ติดทนนาน: สีสันคงอยู่บนพวงแก้มได้ยาวนานโดยไม่ต้องเติมบ่อย
  • มีหลากหลายฟินิช: ทั้งแมตต์, ซาติน และชิมเมอร์

4. Clinique Cheek Pop Blush

บลัชออนลายดอกเดซี่สุดน่ารักที่ไม่ใช่มีดีแค่หน้าตา! Clinique Cheek Pop Blush มีกรรมวิธีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยการนำลิควิดบลัชมาอบช้าๆ จนกลายเป็นเนื้อฝุ่น ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม บางเบา แต่ยังคงให้สีที่สดใสและติดทนนาน เมื่อปัดลงบนแก้มจะให้ฟินิชลุคที่ดูโปร่งแสง ฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นแป้งๆ หรือหนาเตอะเลยแม้แต่น้อย เป็นบลัชออนที่เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบลุค “No Makeup” Makeup หรือคนที่ต้องการให้แก้มดูมีสีสันระเรื่อๆ แบบสุขภาพดี เนื้อบลัชไม่เป็นฝุ่นผงฟุ้งกระจายเวลาใช้แปรงปัด และยังสามารถบิ้วด์เพิ่มความเข้มได้โดยไม่เป็นคราบ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนผิวแห้งที่จะหลงรักในฟินิชที่ไม่ทำให้ผิวดูแห้งกร้านค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • เทคโนโลยีการผลิตแบบ Slow-baked: ให้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม บางเบา และไม่เป็นฝุ่นผง
  • ฟินิชลุคฉ่ำวาวเป็นธรรมชาติ (Vibrant yet Natural): ให้สีสันที่ดูโปร่งแสง ไม่หนาหนัก
  • ติดทนนาน: สีสวยติดทนบนผิวได้ตลอดวัน
  • ดีไซน์ลายดอกเดซี่: แพ็กเกจจิ้งน่ารักและเป็นเอกลักษณ์
  • สูตรปราศจากน้ำหอม 100%: ผ่านการทดสอบการแพ้ เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย

5. 4U2 For You Too Moji Blush

ข้ามมาที่ฝั่งแบรนด์ไทยที่คุณภาพดีและราคาน่ารักกันบ้างกับ 4U2 For You Too Moji Blush บลัชออนเนื้อโมจิสุดฮิตที่ครองใจสาวไทยไปทั่วบ้านทั่วเมือง ด้วยเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ เป็นกึ่งครีมกึ่งแป้ง มีความนุ่มเด้งเหมือนขนมโมจิ เกลี่ยง่าย ใช้นิ้วแตะๆ ก็สวยได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ให้ยุ่งยาก ให้ฟินิชลุคแบบครีมทูพาวเดอร์ คือเมื่อเซ็ตตัวแล้วจะกลายเป็นเนื้อแป้งเนียนไปกับผิว แต่ยังคงความติดทนของเนื้อครีมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโทนชมพู ส้ม แดง ครบทุกสไตล์ แถมราคายังเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์สุดๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่มองหา บลัชออนราคาถูกและดี คุณภาพเกินราคาไปมากค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • เนื้อโมจิ นุ่มเด้ง: เนื้อสัมผัสแบบใหม่ ไม่เหมือนใคร เกลี่ยง่าย ใช้นิ้วได้
  • ฟินิชแบบ Cream to Powder: ให้ความติดทนแบบเนื้อครีม แต่เบาสบายผิวแบบเนื้อฝุ่น
  • พิกเมนต์สีแน่น: ให้สีสวยชัดเจนในปาดเดียว
  • ราคาย่อมเยา: คุณภาพดีในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
  • เฉดสีครอบคลุม: มีสีให้เลือกเยอะ เหมาะกับโทนสีผิวของคนไทย
  • Vegan & Cruelty-Free: ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ และไม่ทดลองกับสัตว์

6. Benefit Cosmetics Benetint

นี่คือต้นตำรับของลิควิดบลัชหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ทินท์” นั่นเองค่ะ Benefit Cosmetics Benetint คือผลิตภัณฑ์ระดับตำนานที่เดิมทีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทาหัวนมของนักเต้นระบำเปลื้องผ้า! ก่อนจะกลายมาเป็นไอเท็มยอดฮิตสำหรับทาแก้มและริมฝีปาก ให้สีแดงกุหลาบระเรื่อๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เหมือนไม่ได้แต่งหน้าแต่แก้มแดงสุขภาพดีมาเอง เนื้อเป็นแบบน้ำเหลวๆ ที่ต้องรีบเกลี่ยทันทีที่ทาลงบนแก้ม แต่เมื่อเซ็ตตัวแล้วจะติดทนนานมาก ชนิดที่ว่าจูบไม่หลุด กันน้ำ กันเหงื่อได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟกต์สำหรับวันที่ต้องการลุคเบาๆ ใสๆ หรือจะใช้เป็นเบสก่อนลงบลัชออนเนื้อฝุ่นทับเพื่อเพิ่มความติดทนก็ได้เช่นกันค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • ต้นตำรับ Lip & Cheek Tint: เป็นผลิตภัณฑ์ไอคอนิกที่โด่งดังมายาวนาน
  • สีแดงกุหลาบธรรมชาติ: ให้ลุคแก้มแดงระเรื่อเหมือนมีเลือดฝาด
  • ติดทนยาวนานมาก (Super Long-lasting): Kiss-proof, Smudge-proof
  • เนื้อน้ำบางเบา: ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • ใช้งานได้หลากหลาย: ใช้ได้ทั้งแก้มและริมฝีปาก

7. Tarte Amazonian Clay 12-Hour Blush

สำหรับสาวผิวมันที่กำลังมองหาบลัชออนเนื้อฝุ่นที่ติดทนขั้นเทพ ต้องยกให้ Tarte Amazonian Clay 12-Hour Blush เลยค่ะ บลัชออนตัวนี้มีส่วนผสมเด่นคือ “โคลนจากลุ่มน้ำอเมซอน” (Amazonian Clay) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า ทำให้สีของบลัชออนติดทนนานสมชื่อที่เคลมไว้ว่า 12 ชั่วโมง! เนื้อบลัชเนียนละเอียด พิกเมนต์สีแน่น แต่เบลนด์ง่าย ไม่เป็นปื้น ให้ฟินิชลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเลือกแบบแมตต์หรือแบบมีชิมเมอร์ก็ตาม มีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่สีนู้ดธรรมชาติไปจนถึงสีสดใส ตอบโจทย์ทุกสไตล์การแต่งหน้า เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้พวงแก้มสวยๆ แล้ว ยังช่วยให้เมคอัพโดยรวมติดทนขึ้นอีกด้วยค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • ส่วนผสมจาก Amazonian Clay: ช่วยควบคุมความมันและทำให้เมคอัพติดทนนาน
  • ติดทนนาน 12 ชั่วโมง: ผ่านการทดสอบแล้วว่าสีสวยทนนานตลอดวัน
  • เนื้อเนียนละเอียด: เม็ดสีแน่นแต่เกลี่ยง่าย ให้ผลลัพธ์ที่ดูนวลเนียน
  • เฉดสีและฟินิชหลากหลาย: มีให้เลือกทั้งเนื้อแมตต์และเนื้อชิมเมอร์ในหลายเฉดสี
  • Dermatologist-tested: ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง

8. Canmake Cream Cheek

ข้ามฝั่งมาที่แบรนด์ดรักสโตร์สุดคาวาอี้จากญี่ปุ่นกันบ้างกับ Canmake Cream Cheek บลัชออนเนื้อครีมเจลที่มาในตลับเล็กๆ น่ารักพกพาง่าย แต่คุณภาพอัดแน่นเกินราคาไปมาก เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มลื่น เกลี่ยง่ายสุดๆ เมื่อทาลงบนผิวจะให้ความรู้สึกชุ่มชื้น แต่พอเซ็ตตัวแล้วจะกลายเป็นเนื้อแป้งบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ฟินิชลุคที่ดูฉ่ำโกลว์นิดๆ เหมือนผิวดีมาจากภายใน มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะโทนสีน่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่ปัดแล้วช่วยลดอายุให้ดูเด็กลงได้ทันที เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับมือใหม่หัดใช้ครีมบลัช หรือคนที่มองหาบลัชออนคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋าค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • เนื้อครีมเจล: นุ่มลื่น เกลี่ยง่าย ให้ความชุ่มชื้นกับผิว
  • ฟินิชฉ่ำวาวกำลังดี: ให้แก้มดูสวยโกลว์ สุขภาพดี
  • ติดทนนาน: สีสันติดทนกว่าบลัชออนเนื้อฝุ่นทั่วไป
  • ราคาน่ารัก: เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษา
  • แพ็กเกจกะทัดรัด: พกพาสะดวก เติมระหว่างวันได้ง่าย

9. La Glace Black Magic Lip & Cheek PH Blush

ปิดท้ายด้วยบลัชออนเนื้อบาล์มสีดำสุดเก๋จากแบรนด์ไทยดาวรุ่งอย่าง La Glace ที่สร้างเสียงฮือฮาด้วยคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร! แม้เนื้อบาล์มในตลับจะดูเป็นสีดำสนิท แต่เมื่อทาลงบนผิวจะเปลี่ยนสีเป็นเฉดสีชมพูอมม่วงระเรื่อๆ ตามค่า pH ของผิวแต่ละคน คล้ายกับ Dior Rosy Glow แต่มาในรูปแบบของเนื้อบาล์มและราคาที่ย่อมเยากว่ามาก ให้ฟินิชลุคที่ดูฉ่ำวาวขั้นสุด เหมือนแก้มเปล่งปลั่งอิ่มน้ำ เนื้อบาล์มเกลี่ยง่าย สามารถใช้ได้ทั้งแก้มและริมฝีปาก เป็นไอเท็มที่ทั้งสนุกและใช้งานได้จริง เหมาะสำหรับคนที่ชอบลุค Glass Skin หรือแก้มฉ่ำๆ สไตล์เกาหลี และยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลอง บลัชออน ที่ให้สีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ

คุณสมบัติเด่น

  • PH Blushing Technology: เนื้อบาล์มสีดำเปลี่ยนเป็นสีชมพูตามค่า pH ของผิว
  • ฟินิชฉ่ำวาว (Glossy Finish): ให้ลุคแก้มโกลว์สวย อิ่มน้ำ
  • เนื้อบาล์มชุ่มชื้น: อุดมด้วยสารบำรุง ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน
  • 2-in-1: ใช้ได้ทั้งแก้มและริมฝีปาก
  • คอนเซ็ปต์สนุกและไม่เหมือนใคร: สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการแต่งหน้า

เทคนิคการปัดแก้มให้สวยเป๊ะ ติดทนนานตลอดวัน

การมีบลัชออนที่ดีอยู่ในมือคือบันไดขั้นแรก แต่การรู้เทคนิคการปัดที่ถูกต้องคือสิ่งที่จะพาคุณไปสู่พวงแก้มที่สวยสมบูรณ์แบบ การปัดแก้มให้ถูกตำแหน่งไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมลุคโดยรวม แต่ยังสามารถช่วยปรับแก้รูปหน้าให้ดูสมส่วนยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

เทคนิคตามรูปหน้า

  • หน้ารูปไข่ (Oval Face): เป็นรูปหน้าที่สมส่วนที่สุด สามารถปัดแก้มได้หลายแบบ แต่เทคนิคที่ง่ายและสวยที่สุดคือการยิ้มเล็กน้อยแล้วปัดบลัชออนลงบนพวงแก้ม (Apple of the cheeks) แล้วเบลนด์เฉียงขึ้นไปทางขมับเล็กน้อย
  • หน้ากลม (Round Face): เพื่อเพิ่มความเรียวให้กับใบหน้า ควรปัดบลัชออนในแนวเฉียงขึ้น โดยเริ่มจากบริเวณข้างแก้ม (ต่ำกว่าพวงแก้มเล็กน้อย) แล้วลากแปรงขึ้นไปทางใบหู หลีกเลี่ยงการปัดเป็นวงกลมที่พวงแก้มเพราะจะยิ่งเน้นความกลมของใบหน้า
  • หน้าเหลี่ยม (Square Face): เพื่อลดความเหลี่ยมของกรอบหน้า ให้ปัดบลัชออนเป็นวงกลมที่พวงแก้ม จะช่วยดึงความสนใจมาที่กลางใบหน้าและทำให้ใบหน้าดูซอฟต์ลง
  • หน้ารูปหัวใจ (Heart Face): สำหรับคนที่มีหน้าผากกว้างและคางแหลม ควรปัดบลัชออนบริเวณใต้พวงแก้ม แล้วเบลนด์ออกไปทางใบหู จะช่วยสร้างความสมดุลให้ใบหน้าส่วนล่างดูเต็มขึ้น

เคล็ดลับทำให้บลัชออนติดทน

อยากให้แก้มสวยตลอดวัน? ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดูค่ะ ขั้นแรกคือการเตรียมผิวที่ดี ลงไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้าจะช่วยให้เครื่องสำอางทุกชนิดติดทนขึ้น สำหรับเทคนิคที่โปรเมคอัพอาร์ทิสต์นิยมใช้คือการ “Layering” หรือการลงบลัชออนซ้อนกัน โดยเริ่มจากการลงบลัชออนเนื้อครีมหรือเนื้อลิควิดก่อน จากนั้นเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสงบางๆ แล้วจึงปัดทับด้วยบลัชออนเนื้อฝุ่นสีเดียวกันหรือใกล้เคียงกันอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยล็อคสีให้อยู่ทนอยู่นาน ปิดท้ายด้วยการฉีดเซ็ตติ้งสเปรย์ทั่วใบหน้าเพื่อความติดทนขั้นสุดค่ะ

ตารางเปรียบเทียบ 9 บลัชออนตัวท็อป เลือกยี่ห้อไหนดีที่ใช่สำหรับคุณ

ยี่ห้อ/รุ่น ประเภท จุดเด่น เหมาะกับสภาพผิว ระดับราคา
1. Dior Rosy Glow Blush เนื้อฝุ่น เปลี่ยนสีตามค่า pH, ฟินิชธรรมชาติ ทุกสภาพผิว สูง
2. Rare Beauty Soft Pinch Liquid Blush เนื้อลิควิด พิกเมนต์แน่นมาก, ติดทนสุดๆ ทุกสภาพผิว (โดยเฉพาะผิวมัน) ปานกลาง-สูง
3. NARS Blush เนื้อฝุ่น เฉดสีไอคอนิก, พิกเมนต์ชัด ทุกสภาพผิว (โดยเฉพาะผิวผสม-มัน) สูง
4. Clinique Cheek Pop Blush เนื้อฝุ่น (อบ) เนื้อโปร่งแสง, ฟินิชฉ่ำวาวธรรมชาติ ทุกสภาพผิว (โดยเฉพาะผิวแห้ง) ปานกลาง
5. 4U2 For You Too Moji Blush เนื้อโมจิ (ครีมทูพาวเดอร์) เนื้อนุ่มเด้ง, เกลี่ยง่าย, ราคาดี ผิวธรรมดา-ผิวผสม ย่อมเยา
6. Benefit Cosmetics Benetint เนื้อน้ำ (ทินท์) สีธรรมชาติเหมือนเลือดฝาด, ติดทนมาก ทุกสภาพผิว ปานกลาง-สูง
7. Tarte Amazonian Clay 12-Hour Blush เนื้อฝุ่น ติดทนนาน 12 ชม., ควบคุมความมัน ผิวผสม-ผิวมัน ปานกลาง-สูง
8. Canmake Cream Cheek เนื้อครีมเจล ฟินิชฉ่ำโกลว์, ใช้ง่าย, ราคาน่ารัก ผิวแห้ง-ผิวธรรมดา ย่อมเยา
9. La Glace Black Magic PH Blush เนื้อบาล์ม เปลี่ยนสีตามค่า pH, ฟินิชฉ่ำวาวมาก ผิวแห้ง-ผิวธรรมดา ย่อมเยา

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. บลัชออนเนื้อครีมกับเนื้อฝุ่น แบบไหนติดทนกว่ากัน?
คำตอบ: โดยทั่วไปแล้ว บลัชออนเนื้อครีมและเนื้อลิควิดจะมีความติดทนมากกว่าเนื้อฝุ่น เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์จะแนบสนิทและกลืนไปกับผิวได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ความติดทนก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและเทคนิคการลงด้วย สำหรับคนผิวมัน บลัชออนเนื้อฝุ่นที่ควบคุมความมัน (เช่น Tarte) อาจจะติดทนกว่า แต่เทคนิคที่ดีที่สุดเพื่อความติดทนคือการลงเนื้อครีมก่อนแล้วเซ็ตทับด้วยเนื้อฝุ่นค่ะ

2. ควรลงบลัชออนก่อนหรือหลังลงแป้ง?
คำตอบ: ขึ้นอยู่กับประเภทของบลัชออนค่ะ สำหรับบลัชออนเนื้อครีม, เนื้อลิควิด, หรือเนื้อบาล์ม ควรลง “ก่อน” การลงแป้งฝุ่น เพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์เซ็ตตัวไปกับผิวและรองพื้นได้อย่างเนียนสวย จากนั้นจึงค่อยลงแป้งฝุ่นทับ สำหรับบลัชออนเนื้อฝุ่น ควรลง “หลัง” จากที่ลงแป้งฝุ่นเซ็ตผิวเรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้บลัชออนจับตัวเป็นก้อนหรือเป็นคราบบนรองพื้นที่ยังมีความหนึบอยู่

3. ถ้าไม่มีแปรงปัดแก้ม ใช้อะไรแทนได้บ้าง?
คำตอบ: ใช้นิ้วมือได้เลยค่ะ! โดยเฉพาะกับบลัชออนเนื้อครีม เนื้อลิควิด และเนื้อโมจิ การใช้นิ้วนางหรือนิ้วกลางวอร์มผลิตภัณฑ์แล้วค่อยๆ แตะเบาๆ ลงบนแก้มจะให้ผลลัพธ์ที่สวยและเป็นธรรมชาติมาก เพราะความอุ่นจากนิ้วมือจะช่วยให้เนื้อบลัชเบลนด์เข้ากับผิวได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟองน้ำแต่งหน้าในการเกลี่ยได้เช่นกัน

4. ทำอย่างไรเมื่อปัดแก้มเข้มเกินไป?
คำตอบ: อย่าเพิ่งตกใจหรือลบออกทั้งหมดค่ะ วิธีแก้ง่ายๆ คือการใช้ฟองน้ำแต่งหน้าที่ยังมีคราบรองพื้นเหลืออยู่เล็กน้อย มาแตะๆ กดๆ เบาๆ ทับบริเวณที่สีเข้มเกินไป ฟองน้ำจะช่วยซับสีส่วนเกินออกและเบลนด์ให้สีดูจางลงและนัวขึ้น หรืออีกวิธีคือใช้แปรงสะอาดอันใหญ่แตะแป้งฝุ่นโปร่งแสงเล็กน้อย แล้วมาปัดวนเบาๆ ทับบริเวณแก้ม จะช่วยให้สีของบลัชออนดูซอฟต์ลงได้ค่ะ

บทสรุป

การเลือก บลัชออน ยี่ห้อไหนดี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อเราเข้าใจถึงความต้องการของผิวและสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบลัชออนเนื้อฝุ่นสุดคลาสสิกที่ใช้งานง่าย, เนื้อครีมที่ให้ลุคแก้มฉ่ำวาวสุขภาพดี, หรือเนื้อลิควิดที่ติดทนขั้นสุด ตลาดเครื่องสำอางปี 2025 ก็มีตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาให้เราได้ลองกันอย่างครบครัน ตั้งแต่ Dior, Rare Beauty, NARS ที่เป็นขวัญใจเคาน์เตอร์แบรนด์ ไปจนถึง 4U2, Canmake, และ La Glace ที่เป็นแบรนด์คุณภาพดีราคาน่ารัก สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกประเภทและเฉดสีที่เข้ากับผิวของคุณ พร้อมใช้เทคนิคการปัดที่ถูกต้องเพื่อเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติและสดใสยิ่งขึ้น หวังว่าลิสต์ทั้ง 9 ตัวและข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณค้นพบบลัชออนคู่ใจที่ช่วยเนรมิตพวงแก้มสวยสมบูรณ์แบบได้ในทุกๆ วันนะคะ

Image by: Anderson Guerra
https://www.pexels.com/@andersonguerra

The Digital Alchemist (นักเล่นแร่แปรธาตุดิจิทัล)
ผู้ถักทอเรื่องราวและประสบการณ์ผ่านผืนผ้าใบดิจิทัล The Digital Alchemist แห่ง Sooddd.com ไม่เพียงแต่รังสรรค์เนื้อหา แต่ยังปรุงแต่งแรงบันดาลใจ เปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัญญา และสร้างสรรค์โลกออนไลน์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ด้วยวิสัยทัศน์เฉียบคมและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เขาคือผู้พลิกโฉมสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นความพิเศษในทุกการคลิก