เบื่อไหมคะกับปัญหาขนที่ขึ้นใหม่เร็วแถมยังเป็นตอแข็งๆ หลังการโกน? หรือจะทนเจ็บกับการแว็กซ์ที่ต้องรอให้ขนยาวก่อนถึงจะทำได้? ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีกำจัดขนที่ให้ผลลัพธ์ผิวเรียบเนียนยาวนานกว่า ไม่ต้องทำบ่อยๆ และสะดวกสบายทำเองได้ที่บ้าน “เครื่องถอนขนไฟฟ้า” คือคำตอบที่คุณตามหาค่ะ ในปัจจุบันเทคโนโลยีของเครื่องถอนขนไฟฟ้าพัฒนาไปไกลมาก ทำให้การถอนขนไม่เจ็บปวดรุนแรงเหมือนในอดีตอีกต่อไป แถมยังมีฟังก์ชันเสริมมากมายที่ช่วยดูแลผิวของคุณไปพร้อมกัน บทความนี้ soodd.com ได้รวบรวมข้อมูลทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องถอนขนไฟฟ้าคู่ใจ พร้อมเปิดโผรีวิว 8 รุ่นเด็ดที่น่าสนใจที่สุดในปี 2025 ที่จะช่วยให้คุณบอกลาปัญหาขนกวนใจ เผยผิวเนียนใสได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่ใช้งานอยู่แล้ว รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเลือกเครื่องที่ “ใช่” ได้อย่างแน่นอนค่ะ
ทำไมเครื่องถอนขนไฟฟ้าถึงเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ?
ท่ามกลางวิธีกำจัดขนหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การโกน การแว็กซ์ ไปจนถึงการทำเลเซอร์ ทำไมเครื่องถอนขนไฟฟ้าถึงยังคงเป็นที่นิยมและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ คน? คำตอบอยู่ที่ข้อดีหลายประการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัวค่ะ
- ผิวเรียบเนียนยาวนานกว่า: หัวใจหลักของเครื่องถอนขนไฟฟ้าคือการใช้ระบบหัวหนีบ (Tweezers) ดึงเส้นขนออกมาจากรากโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการโกนที่เพียงแค่ตัดเส้นขนบริเวณผิวหนังด้านบน ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่เรียบเนียนยาวนานถึง 3-4 สัปดาห์ กว่าที่ขนจะงอกขึ้นมาใหม่ และขนที่ขึ้นใหม่ยังมีแนวโน้มที่จะบางและนุ่มลงอีกด้วย
- ประหยัดและคุ้มค่าในระยะยาว: แม้ว่าราคาเริ่มต้นของเครื่องถอนขนไฟฟ้าอาจจะสูงกว่ามีดโกนหรือชุดแว็กซ์ แต่เมื่อเทียบกับการลงทุนในระยะยาวแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อใบมีดโกนหรือแว็กซ์ซ้ำๆ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายราคาสูงเพื่อเข้าคอร์สกำจัดขนตามคลินิก เพียงลงทุนครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้นานหลายปี
- สะดวกและเป็นส่วนตัว: คุณสามารถใช้เครื่องถอนขนไฟฟ้าได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ต้องนัดคิวหรือเดินทางไปร้านเสริมสวย ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองในบ้าน เพิ่มความเป็นส่วนตัวและประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล
- กำจัดขนเส้นสั้นๆ ได้ดี: แตกต่างจากการแว็กซ์ที่ต้องรอให้ขนยาวประมาณหนึ่ง เครื่องถอนขนไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ สามารถกำจัดขนที่สั้นเพียง 0.5 มิลลิเมตรได้ ทำให้คุณมีผิวเรียบเนียนได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอ
- เจ็บน้อยลงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่: ความเชื่อที่ว่าใช้เครื่องถอนขนแล้วเจ็บมากกำลังจะกลายเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันผู้ผลิตต่างพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นระบบนวดผิว (Massage System) ที่ช่วยกระตุ้นและผ่อนคลายผิวหนัง, ฟังก์ชันการใช้งานในน้ำ (Wet & Dry) ที่ช่วยให้รูขุมขนเปิดและถอนง่ายขึ้น, หรือหัวครอบสำหรับผิวบอบบาง (Sensitive Cap) ที่ช่วยลดแรงกระทำต่อผิว
เลือกเครื่องถอนขนไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี? ต้องดูอะไรบ้าง
การจะหาเครื่องถอนขนไฟฟ้าที่ใช่และตอบโจทย์ที่สุดนั้นไม่ใช่แค่การดูที่ยี่ห้อหรือราคา แต่ต้องพิจารณาจากคุณสมบัติและฟังก์ชันต่างๆ ให้เหมาะกับความต้องการและสภาพผิวของเราด้วย ลองมาดูเช็กลิสต์สำคัญที่ soodd.com สรุปมาให้ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อกันค่ะ
ระบบและจำนวนหัวหนีบ (Tweezer System)
หัวใจสำคัญของเครื่องถอนขนไฟฟ้าคือ “หัวหนีบ” หรือ Tweezer ค่ะ จำนวนและวัสดุของหัวหนีบส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการกำจัดขน โดยทั่วไปยิ่งมีจำนวนหัวหนีบมาก ก็จะยิ่งกำจัดขนได้ในพื้นที่กว้างและรวดเร็วยิ่งขึ้น เครื่องถอนขนรุ่นเริ่มต้นอาจมีประมาณ 20 หัวหนีบ ในขณะที่รุ่นประสิทธิภาพสูงอาจมีมากถึง 40-72 หัวหนีบ นอกจากจำนวนแล้ว วัสดุก็สำคัญไม่แพ้กัน บางรุ่นใช้แผ่นหนีบโลหะทั่วไป แต่รุ่นใหม่ๆ มักนิยมใช้ แผ่นหนีบเซรามิก ซึ่งมีข้อดีคือสามารถจับเส้นขนที่บางและเล็กได้ดีกว่า และยังอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า ลดโอกาสการระคายเคืองได้ดีค่ะ
ฟังก์ชันการใช้งาน (Features)
ฟังก์ชันเสริมต่างๆ เป็นตัวช่วยที่ทำให้การถอนขนของคุณง่าย สะดวกสบาย และเจ็บน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
- การใช้งานในน้ำ (Wet & Dry): ฟังก์ชันนี้ถือเป็นที่นิยมมาก เพราะการถอนขนขณะอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้รูขุมขนเปิด ทำให้ดึงเส้นขนออกได้ง่ายและเจ็บน้อยลงอย่างรู้สึกได้ แถมยังทำความสะอาดเครื่องได้ง่ายอีกด้วย
- การใช้งานแบบไร้สาย (Cordless): เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานสูงสุด คุณสามารถนำไปใช้ที่ไหนก็ได้โดยไม่มีสายไฟมาเกะกะ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมแท่นชาร์จ ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้นาน 30-50 นาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วร่างกาย
- ระดับความเร็ว (Speed Settings): เครื่องส่วนใหญ่จะมีระดับความเร็วให้ปรับได้อย่างน้อย 2 ระดับ ความเร็วต่ำเหมาะสำหรับมือใหม่และบริเวณผิวบอบบาง เช่น รักแร้ หรือขอบบิกินี่ ส่วนความเร็วสูงจะเหมาะกับบริเวณกว้างๆ เช่น แขน ขา ที่ต้องการความรวดเร็ว
- หัวถอนที่ยืดหยุ่น (Pivoting Head): หัวของเครื่องถอนขนที่สามารถปรับองศาให้โค้งรับกับสรีระส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เช่น หัวเข่า หรือข้อพับ จะช่วยให้การถอนขนแนบสนิทกับผิวหนังและเก็บเส้นขนได้เกลี้ยงเกลามากขึ้น
อุปกรณ์เสริม (Attachments)
เครื่องถอนขนไฟฟ้ารุ่นกลางถึงสูงมักจะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมมากมาย เพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมและคุ้มค่า นี่คืออุปกรณ์เสริมที่พบบ่อยและมีประโยชน์มากค่ะ
- หัวครอบควบคุมแนวเส้นขน (Efficiency Cap): ช่วยให้หัวหนีบสัมผัสกับผิวในองศาที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ถอนขนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- หัวครอบสำหรับผิวบอบบาง (Sensitive Area Cap): ออกแบบมาเพื่อลดพื้นที่การถอนให้แคบลง เหมาะสำหรับใช้กับบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้วงแขน (รักแร้) หรือขอบบิกินี่
- หัวครอบสำหรับใบหน้า (Facial Cap): สำหรับกำจัดขนบนใบหน้าโดยเฉพาะ เช่น หนวด หรือขนบริเวณแก้ม
- หัวโกนและหัวทริมเมอร์ (Shaver & Trimmer Head): เปลี่ยนเครื่องถอนขนของคุณให้เป็นเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าได้ทันที เหมาะสำหรับเล็มขนให้สั้นลงก่อนการถอน หรือใช้ในบริเวณที่ไม่ต้องการถอน
- แปรงขัดผิว (Exfoliation Brush): บางรุ่นแถมแปรงขัดผิวมาให้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากในการช่วยป้องกันปัญหาขนคุดหลังการถอน
เปิดโผ! 8 เครื่องถอนขนไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีที่สุด 2025
มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย กับการรีวิวเครื่องถอนขนไฟฟ้า 8 รุ่นเด็ดที่คัดสรรมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพโดดเด่น คุ้มค่า และได้รับความนิยมสูงในปี 2025 นี้ค่ะ
1. Braun Silk-épil 9 Flex 9-300
ยกให้เป็นราชาแห่งเครื่องถอนขนไฟฟ้าเลยก็ว่าได้สำหรับ Braun Silk-épil 9 Flex รุ่นนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรมหัวถอนแบบยืดหยุ่น (Fully Flexible Head) ครั้งแรกของโลก ทำให้สามารถเข้าถึงทุกซอกมุมของร่างกายได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นหัวเข่าหรือข้อพับที่มักเป็นจุดปราบเซียน มาพร้อมเทคโนโลยี Micro-Grip ที่มีหัวหนีบ 40 ตัว สามารถจับเส้นขนที่สั้นเพียง 0.5 มม. ได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ผิวเรียบเนียนยาวนานหลายสัปดาห์ อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์ SensoSmart™ คอยแจ้งเตือนด้วยแสงสีแดงหากคุณกดเครื่องแรงเกินไป ช่วยลดการระคายเคืองและทำให้การถอนขนมีประสิทธิภาพสูงสุด รุ่นนี้มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมครบครัน เปลี่ยนการกำจัดขนที่บ้านให้กลายเป็นประสบการณ์ระดับสปา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดและจบในเครื่องเดียว
คุณสมบัติเด่น
- หัวถอนยืดหยุ่น (Flexible Head): หัวถอนที่ปรับองศาได้เต็มรูปแบบครั้งแรกของโลก เข้าถึงทุกส่วนโค้งของร่างกาย
- เทคโนโลยี Micro-Grip: หัวหนีบ 40 ตัว กว้างและลึก สามารถกำจัดขนที่สั้นที่สุดได้
- เซ็นเซอร์อัจฉริยะ SensoSmart™: ควบคุมแรงกดเพื่อการถอนขนที่อ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ
- การใช้งานแบบ Wet & Dry: กันน้ำ 100% สามารถใช้ขณะอาบน้ำได้เพื่อความสบายผิว
- อุปกรณ์เสริมครบชุด: มาพร้อมหัวโกน, หัวทริมเมอร์, แปรงขัดผิว, และหัวนวดผ่อนคลาย
- ด้ามจับออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์: ควบคุมง่าย ไม่ลื่นหลุดมือ
2. Philips Epilator Series 8000 BRE740/11
คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ Braun ต้องยกให้ Philips Series 8000 ที่ชูจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพและความอ่อนโยนไปพร้อมกัน รุ่นนี้ใช้แผ่นหนีบที่ทำจากเซรามิก ซึ่งจับเส้นขนได้ดีกว่าและอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าแผ่นหนีบโลหะทั่วไป หัวถอนที่กว้างเป็นพิเศษพร้อมหัวหนีบกว่า 32 ตัว ช่วยให้กำจัดขนในบริเวณกว้างได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที การออกแบบด้ามจับรูปตัว S ทำให้ควบคุมได้ถนัดมือและเข้าถึงบริเวณด้านหลัง เช่น น่องขา ได้สะดวกยิ่งขึ้น มาพร้อมฟังก์ชัน Wet & Dry และอุปกรณ์เสริมมากถึง 9 ชิ้นที่ครอบคลุมการดูแลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นหัวโกน หัวทริมเมอร์สำหรับบิกินี่ หรือแม้แต่ตะไบขัดส้นเท้าไฟฟ้า นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าและครบเครื่องมากสำหรับคนที่มองหาที่ถอนขนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
คุณสมบัติเด่น
- แผ่นหนีบเซรามิก: หนีบเส้นขนได้ดีกว่า 2 เท่า และอ่อนโยนต่อผิว ลดการระคายเคือง
- หัวถอนกว้างพิเศษ: ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น กำจัดขนได้รวดเร็ว
- ด้ามจับรูปตัว S: ออกแบบให้จับถนัดมือ ควบคุมทิศทางได้ง่าย
- การใช้งานแบบ Wet & Dry: กันน้ำ ใช้งานได้ทั้งบนผิวแห้งและเปียก
- อุปกรณ์เสริม 9 ชิ้น: รวมถึงหัวโกน, หวีรองทริมเมอร์, หัวสำหรับผิวบอบบาง และตะไบขัดเท้า
- ไฟ Opti-light: ช่วยให้มองเห็นเส้นขนเล็กๆ ที่อาจหลงเหลืออยู่ได้อย่างชัดเจน
3. Panasonic ES-EL8A-P
เครื่องถอนขนไฟฟ้าจากแบรนด์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความใส่ใจในรายละเอียด Panasonic รุ่นนี้มีจุดเด่นที่หัวถอนกว้างกว่ารุ่นทั่วไปถึง 30% และสามารถปรับหมุนได้ถึง 90 องศา ทำให้สัมผัสผิวได้อย่างแนบสนิททุกส่วนโค้ง มาพร้อมระบบจานหนีบคู่ (Double Disc) ที่มีแหนบถึง 60 ตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถอนให้รวดเร็วและหมดจดยิ่งขึ้น สามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ (Soft/Normal/Power) เพื่อให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิวและบริเวณที่ใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นแบบ Wet & Dry ใช้งานแบบไร้สายได้สะดวกสบาย พร้อมไฟ LED ส่องสว่างและอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นครบถ้วน เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการกำจัดขนและเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์ญี่ปุ่น
คุณสมบัติเด่น
- หัวถอนกว้างและยืดหยุ่น 90°: ครอบคลุมพื้นที่ได้มากและปรับรับกับสรีระได้ดีเยี่ยม
- ระบบจานหนีบคู่ (Double Disc): แหนบ 60 ตัว ช่วยให้การถอนขนรวดเร็วและเกลี้ยงเกลา
- ปรับความเร็ว 3 ระดับ: เลือกโหมดที่เหมาะสมกับความต้องการได้ (Soft/Normal/Power)
- การใช้งานแบบ Wet & Dry: กันน้ำ ใช้งานในอ่างอาบน้ำได้
- ไฟ LED ในตัว: ช่วยให้มองเห็นเส้นขนที่บางและเล็กได้ง่าย
- ใช้งานไร้สาย: ชาร์จ 1 ชั่วโมง ใช้งานได้ 30 นาที
4. Emjoi eRase e84
สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือกังวลเรื่องความเจ็บเป็นพิเศษ Emjoi eRase e84 คือคำตอบที่น่าสนใจมาก รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี “Glide Technology” ที่หัวถอนจะยกเส้นขนขึ้นก่อนทำการถอน ทำให้ถอนง่ายและเจ็บน้อยลง พร้อมหัวหนีบ 84 ตัวที่ทำงานอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมี “Silver Ion Technology” ซึ่งเป็นแผ่นหนีบที่มีส่วนผสมของซิลเวอร์ไอออน ช่วยป้องกันการเกิดแบคทีเรีย ลดความเสี่ยงของการอักเสบและระคายเคืองผิวหลังการถอนได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นเครื่องที่เน้นความอ่อนโยน แต่ประสิทธิภาพการกำจัดขนก็ไม่เป็นรองใคร สามารถถอนขนได้สั้นถึง 0.3 มม. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการใช้กับบริเวณที่ต้องการความนุ่มนวลเป็นพิเศษ เช่น รักแร้ หรือใบหน้า
คุณสมบัติเด่น
- หัวหนีบ 84 ตัว: ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- เทคโนโลยี Glide & Silver Ion: ช่วยให้ถอนง่าย เจ็บน้อย และป้องกันแบคทีเรีย
- ถอนขนสั้นได้ถึง 0.3 มม.: ให้ผิวเรียบเนียนได้ยาวนาน
- หัวโกน/หัวทริมเมอร์: มาพร้อมอุปกรณ์เสริมสำหรับโกนและตกแต่ง
- เหมาะสำหรับผิวบอบบาง: ออกแบบมาเพื่อลดการระคายเคืองโดยเฉพาะ
- ใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย (บางรุ่นย่อย): เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
5. Lesasha Chic Compact Epilator LS1493
หากคุณมองหาเครื่องถอนขนไฟฟ้าที่ราคาเป็นมิตร ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกสำหรับเดินทาง หรือสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่อยากลงทุนเยอะ Lesasha Chic Compact Epilator คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยราคาที่ไม่แรงแต่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่น่าพอใจ มาพร้อมหัวหนีบ 18 คู่ (36 แผ่นหนีบ) ที่สามารถถอนขนได้อย่างเกลี้ยงเกลา ตัวเครื่องมีดีไซน์โค้งมน จับถนัดมือ และขนาดเล็กพอที่จะใส่ในกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ สามารถปรับความเร็วได้ 2 ระดับ และใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน แม้จะไม่มีฟังก์ชัน Wet & Dry หรืออุปกรณ์เสริมมากมายเท่ารุ่นใหญ่ๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน เช่น การถอนขนแขน ขา และรักแร้ ถือเป็นเครื่องถอนขนสำหรับเริ่มต้นที่คุ้มค่าคุ้มราคามากทีเดียว
คุณสมบัติเด่น
- ราคาย่อมเยา: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่งบจำกัด
- ขนาดกะทัดรัด: น้ำหนักเบา พกพาสะดวก เหมาะกับการเดินทาง
- หัวหนีบ 18 คู่: ให้ประสิทธิภาพการถอนขนที่ดีในระดับพื้นฐาน
- ปรับความเร็ว 2 ระดับ: เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
- ใช้งานง่าย: ไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน เสียบปลั๊กแล้วใช้ได้เลย
- มาพร้อมแปรงทำความสะอาดและถุงจัดเก็บ: สะดวกต่อการดูแลรักษา
6. Braun Silk-épil 5 5-820
เป็นรุ่นกลางที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมอย่างสูงจาก Braun ที่ถอดเทคโนโลยีดีๆ หลายอย่างมาจากรุ่นพี่ Silk-épil 9 แต่มาในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า Braun Silk-épil 5 มาพร้อมเทคโนโลยีหัวหนีบ Micro-Grip 28 ตัว ซึ่งยังคงประสิทธิภาพในการจับเส้นขนสั้นๆ ได้ดีเยี่ยม มีระบบนวดความถี่สูง (High Frequency Massage System) ที่ช่วยกระตุ้นผิวและลดความรู้สึกเจ็บระหว่างถอนได้เป็นอย่างดี รุ่นนี้เป็นแบบ Wet & Dry กันน้ำ 100% ทำให้คุณสามารถใช้งานระหว่างอาบน้ำเพื่อความสบายผิวสูงสุด มาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น เช่น หัวโกน หัวทริมเมอร์ และหัวครอบสำหรับผู้เริ่มต้นที่ช่วยลดพื้นที่การถอน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Braun แต่มีงบประมาณจำกัดกว่ารุ่นท็อป
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี Micro-Grip: หัวหนีบ 28 ตัว กำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้งานแบบ Wet & Dry: กันน้ำ 100% เพื่อการถอนที่อ่อนโยน
- ระบบนวดความถี่สูง: ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการใช้งาน
- หัวครอบสำหรับผู้เริ่มต้น (Beginner Cap): ช่วยให้การถอนครั้งแรกง่ายและเจ็บน้อยลง
- ใช้งานไร้สาย: ชาร์จ 1 ชั่วโมง ใช้งานได้ 30 นาที
- คุ้มค่า: ได้เทคโนโลยีที่ดีของ Braun ในราคาที่สมเหตุสมผล
7. Philips Satinelle Essential BRE275/00
อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นหรืองบประหยัดจากแบรนด์ Philips รุ่น Satinelle Essential นี้เน้นการใช้งานที่เรียบง่ายแต่ยังคงประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้ ด้วยระบบการถอนขนที่มีประสิทธิภาพ สามารถดึงขนได้ถึงราก ให้ผิวเรียบเนียนยาวนาน มาพร้อมการตั้งค่าความเร็ว 2 ระดับ สำหรับจัดการขนเส้นบางและหนาในบริเวณที่แตกต่างกัน มีไฟ Opti-light ในตัวซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มักจะอยู่ในรุ่นราคาสูง ช่วยให้ไม่พลาดทุกเส้นขน แม้จะเป็นรุ่นที่ต้องเสียบสายไฟขณะใช้งาน (Corded) และไม่มีฟังก์ชันกันน้ำ แต่มันก็แลกมากับพลังงานที่สม่ำเสมอไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางคัน และราคาที่จับต้องได้ง่ายมาก เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่ต้องการเครื่องถอนขนไฟฟ้าเครื่องแรกที่ใช้งานได้ดีและทนทาน
คุณสมบัติเด่น
- ระบบการถอนขนที่มีประสิทธิภาพ: ดึงเส้นขนออกจากรากได้อย่างหมดจด
- ปรับความเร็ว 2 ระดับ: สำหรับขนเส้นบางและเส้นหนา
- ไฟ Opti-light ในตัว: ช่วยให้มองเห็นเส้นขนที่เล็กและบางที่สุด
- หัวถอนล้างทำความสะอาดได้: ถอดล้างใต้ก๊อกน้ำได้เพื่อสุขอนามัยที่ดี
- ใช้งานแบบมีสาย: ให้พลังงานสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอชาร์จ
- ราคาประหยัดมาก: เป็นเจ้าของได้ง่าย เหมาะสำหรับเป็นเครื่องแรก
8. Beurer HL76
Beurer แบรนด์จากเยอรมนีที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เพื่อสุขภาพและความงาม นำเสนอเครื่องถอนขนไฟฟ้ารุ่น HL76 ที่มีดีไซน์ทันสมัยและฟังก์ชันครบครัน จุดเด่นคือหัวถอนที่กว้างพร้อมแหนบ 42 ตัว ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีหัวที่ยืดหยุ่น (Flexible Head) ช่วยให้โค้งรับกับสรีระได้ดี มาพร้อมไฟ LED ที่สว่างเป็นพิเศษ ช่วยให้การถอนขนแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้ทั้งแบบเปียกและแห้ง (Wet & Dry) และปรับความเร็วได้ 2 ระดับ ที่น่าสนใจคือมีหน้าจอแสดงผลแบตเตอรี่และสถานะการชาร์จชัดเจน และมีอุปกรณ์เสริมมาให้ทั้งหัวทริมเมอร์ หัวโกน และหัวสำหรับผิวสัมผัสที่แนบสนิท เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ดูโมเดิร์น
คุณสมบัติเด่น
- หัวถอนกว้างและยืดหยุ่น: แหนบ 42 ตัว ทำงานรวดเร็วและปรับตามส่วนโค้งของร่างกาย
- ไฟ LED สว่างพิเศษ: ไม่พลาดแม้แต่เส้นขนที่เล็กที่สุด
- การใช้งานแบบ Wet & Dry: เพิ่มความสะดวกสบายและลดความเจ็บ
- หน้าจอแสดงผลแบตเตอรี่: รู้สถานะเครื่องได้ตลอดเวลา
- ใช้งานไร้สาย: แบตเตอรี่ Li-ion ใช้งานได้นานถึง 40 นาที
- มาพร้อมอุปกรณ์เสริม 3 ชิ้น: ครอบคลุมการใช้งานทั้งถอน โกน และเล็ม
ตารางเปรียบเทียบ 8 เครื่องถอนขนไฟฟ้าตัวท็อป
เพื่อให้เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองมาดูตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นของเครื่องถอนขนไฟฟ้าแต่ละรุ่นกันค่ะ
รุ่น (Model) | จุดเด่น | จำนวนหัวหนีบ | การใช้งาน (Wet/Dry) | ระดับราคา |
---|---|---|---|---|
Braun Silk-épil 9 Flex | หัวถอนยืดหยุ่นเต็มรูปแบบ, เซ็นเซอร์แรงกด | 40 | Wet & Dry | สูงมาก |
Philips Series 8000 | แผ่นหนีบเซรามิก, อุปกรณ์เสริมเยอะ | 32 (คู่) | Wet & Dry | สูง |
Panasonic ES-EL8A-P | หัวกว้างพิเศษ, จานหนีบคู่, ปรับ 3 สปีด | 60 | Wet & Dry | สูง |
Emjoi eRase e84 | เทคโนโลยีลดความเจ็บและป้องกันแบคทีเรีย | 84 | Dry | ปานกลาง |
Lesasha Chic Compact | ราคาประหยัด, ขนาดกะทัดรัด, พกพาง่าย | 18 (คู่) | Dry | ประหยัด |
Braun Silk-épil 5 | คุ้มค่า, ระบบนวด, Wet & Dry | 28 | Wet & Dry | ปานกลาง |
Philips Satinelle Essential | ราคาประหยัดมาก, มีไฟส่อง, ใช้ง่าย | 20 (คู่) | Dry (หัวล้างได้) | ประหยัดมาก |
Beurer HL76 | ดีไซน์ทันสมัย, หัวยืดหยุ่น, Wet & Dry | 42 | Wet & Dry | ปานกลาง-สูง |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ใช้เครื่องถอนขนไฟฟ้าแล้วเจ็บไหม?
ความเจ็บเป็นเรื่องที่หลายคนกังวลที่สุด คำตอบคือ “เจ็บ แต่ไม่เท่าที่คิด” และความเจ็บจะลดลงอย่างมากเมื่อใช้เป็นประจำค่ะ ครั้งแรกอาจจะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ คล้ายการถอนคิ้วพร้อมกันหลายเส้น แต่ครั้งต่อๆ ไปเมื่อผิวเริ่มชินและเส้นขนบางลง ความเจ็บจะลดลงไปมาก เทคนิคช่วยลดความเจ็บคือการประคบอุ่นหรือใช้ขณะอาบน้ำ (สำหรับรุ่น Wet & Dry), ขึงผิวให้ตึงขณะถอน และเลือกใช้ความเร็วต่ำในบริเวณที่บอบบางค่ะ
2. เครื่องถอนขนไฟฟ้าทำให้ขนคุดจริงหรือ? แก้ไขได้อย่างไร?
การถอนขนทุกรูปแบบมีความเสี่ยงทำให้เกิดขนคุดได้ หากเซลล์ผิวเก่าอุดตันรูขุมขนทำให้ขนที่งอกใหม่ไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังขึ้นมาได้ วิธีป้องกันและแก้ไขที่ดีที่สุดคือ “การสครับผิว” อย่างสม่ำเสมอ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป และควรทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากเกิดขนคุดขึ้นแล้ว ไม่ควรพยายามแกะหรือแคะเอง ให้ใช้การประคบอุ่นและสครับผิวเบาๆ เพื่อช่วยให้ขนแทงออกมาได้ง่ายขึ้น
3. ควรเปลี่ยนเครื่องถอนขนไฟฟ้าบ่อยแค่ไหน?
เครื่องถอนขนไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทานสูงมาก หากดูแลรักษาอย่างดี ทำความสะอาดหัวถอนทุกครั้งหลังใช้งาน ไม่ทำตกกระแทกบ่อยๆ เครื่องหนึ่งสามารถใช้งานได้นาน 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นเลยค่ะ ส่วนที่อาจจะต้องเปลี่ยนคืออุปกรณ์เสริมบางอย่าง เช่น หัวแปรงขัดผิว ซึ่งควรเปลี่ยนตามคำแนะนำของผู้ผลิต (ปกติทุก 3-6 เดือน) แต่ตัวเครื่องหลักนั้นใช้งานได้ยาวๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากค่ะ
4. ใช้เครื่องถอนขนไฟฟ้ากับจุดซ่อนเร้น (บิกินี่) ได้หรือไม่?
สามารถใช้ได้ค่ะ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเป็นบริเวณที่ผิวบอบบางมาก แนะนำให้เลือกรุ่นที่มี “หัวครอบสำหรับผิวบอบบาง” (Sensitive Area Cap) หรือ “หัวทริมเมอร์” มาให้โดยเฉพาะ เริ่มจากการใช้หัวทริมเมอร์เล็มขนให้สั้นลงก่อน จากนั้นจึงใช้หัวถอนขนเก็บรายละเอียด โดยขึงผิวให้ตึงและเริ่มจากบริเวณขอบนอกก่อน หากเป็นครั้งแรกควรทำอย่างช้าๆ และอาจลองกับพื้นที่เล็กๆ ก่อนเพื่อดูการตอบสนองของผิวค่ะ
บทสรุป
การเลือกเครื่องถอนขนไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่สุดนั้นไม่มีคำตอบตายตัว เพราะเครื่องที่ดีที่สุดคือเครื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการ งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างลงตัวที่สุด หากคุณต้องการเทคโนโลยีขั้นสุดยอดพร้อมฟังก์ชันครบครัน Braun Silk-épil 9 Flex หรือ Philips Series 8000 คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวัง หากคุณมองหาความคุ้มค่าในราคาปานกลาง Braun Silk-épil 5 หรือ Beurer HL76 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และสำหรับมือใหม่หรืองบจำกัด Lesasha Chic Compact และ Philips Satinelle Essential ก็ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน สิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการเลือกเครื่องคือ “เทคนิคการใช้งาน” ที่ถูกต้อง การเตรียมผิวก่อนถอน และการดูแลผิวหลังถอน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การกำจัดขนที่ดีที่สุด ได้ผลลัพธ์เป็นผิวที่เรียบเนียนยาวนาน และเจ็บน้อยที่สุด หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จาก soodd.com จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องถอนขนไฟฟ้าคู่ใจเครื่องใหม่ได้ง่ายขึ้นนะคะ
Image by: Kristina Paukshtite
https://www.pexels.com/@kpaukshtite