“`html
เคยไหมคะ? ที่ตั้งใจแต่งหน้าสวยเป๊ะออกจากบ้าน แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหน้าก็เริ่มมันเยิ้ม รองพื้นตกร่อง แถมรูขุมขนที่เคยปกปิดไว้ก็โผล่ออกมาทักทายซะงั้น! ปัญหาเหล่านี้คือฝันร้ายของคนรักการแต่งหน้า แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เรามี “อาวุธลับ” ที่จะมาช่วยแก้เกมให้คุณ นั่นก็คือ “ไพรเมอร์” นั่นเองค่ะ ไพรเมอร์ไม่ได้เป็นแค่ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาให้ยุ่งยาก แต่มันคือตัวเปลี่ยนเกมที่จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการแต่งหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยเบลอรูขุมขน ควบคุมความมัน ล็อคเมคอัพให้ติดทนนานตลอดวัน เหมือนมีช่างแต่งหน้ามือโปรมาเนรมิตผิวให้
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของไพรเมอร์ ตั้งแต่การเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ไปจนถึงรีวิวจัดเต็ม 8 ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ช่วยเบลอผิว คุมมันขั้นเทพ แต่งหน้าสวยขึ้น ติดทน ไม่ตกร่องแน่นอน เตรียมตัวบอกลาปัญหาหน้าเยิ้มระหว่างวัน แล้วพบกับผิวสวยเนียนกริบได้เลยค่ะ!
ไพรเมอร์คืออะไร? ทำไมถึงเป็นไอเทมที่เมคอัพอาร์ติสขาดไม่ได้
หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าไพรเมอร์ (Primer) คืออะไรกันแน่ และจำเป็นต้องใช้จริงๆ หรือ? ลองนึกภาพตามนะคะ ก่อนที่เราจะทาสีผนังบ้าน เราต้องทาสีรองพื้นก่อนเพื่อให้สีจริงเรียบเนียนและติดทนยิ่งขึ้น ไพรเมอร์ก็ทำหน้าที่แบบเดียวกันกับผิวหน้าของเราค่ะ มันคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ลงเป็นขั้นตอนแรกหลังการบำรุงผิวและก่อนลงรองพื้น เพื่อสร้าง “ผืนผ้าใบ” ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแต่งหน้า
หน้าที่หลักของไพรเมอร์ไม่ใช่แค่การสร้างชั้นเคลือบผิว แต่ยังมีคุณสมบัติที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ:
- สร้างผิวเรียบเนียน (Smoothing): ไพรเมอร์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชนิดที่มีซิลิโคนเป็นส่วนผสม จะเข้าไปช่วยเติมเต็มร่องผิวที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยเล็กๆ หรือแม้แต่รอยแผลเป็นจากสิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นทันที เมื่อลงรองพื้นตามไปก็จะเกลี่ยง่ายขึ้น ไม่สะดุด และได้ฟินิชลุคที่ดูเนียนกริบเหมือนผิวดีมาตั้งแต่เกิด
- ควบคุมความมัน (Oil-Controlling): สำหรับคนผิวมัน ไพรเมอร์คุมมันคือเพื่อนที่ดีที่สุด! ไพรเมอร์ประเภทนี้จะมีส่วนผสมที่ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ทำให้หน้าไม่มันเยิ้มระหว่างวัน ช่วยให้เมคอัพไม่ไหล ไม่ดรอป และคงความแมตต์ได้ยาวนานขึ้น
- ล็อคเครื่องสำอางให้ติดทน (Long-Lasting): ไพรเมอร์ทำหน้าที่เหมือน “กาวสองหน้า” ที่ยึดระหว่างผิวของเรากับเครื่องสำอาง ทำให้รองพื้น บลัชออน หรือคอนซีลเลอร์เกาะติดผิวได้ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ผลลัพธ์คือเมคอัพที่สวยเป๊ะ ติดทนนานตลอดทั้งวัน ไม่ต้องคอยเติมหน้าบ่อยๆ
- แก้ไขสีผิว (Color Correcting): ไพรเมอร์บางชนิดมาในรูปแบบของ “คอร์เรคเตอร์” ที่มีสีต่างๆ เพื่อช่วยปรับแก้โทนสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น ไพรเมอร์สีเขียวช่วยลดรอยแดงจากสิว, สีม่วงช่วยปรับผิวที่ดูเหลืองซีดให้สว่างขึ้น, และสีพีชช่วยกลบรอยคล้ำใต้ตา เป็นต้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นและกระจ่างใส (Hydrating & Illuminating): สำหรับคนผิวแห้ง การใช้ไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของสารบำรุง เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือวิตามินต่างๆ จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งเป็นขุย และยังช่วยให้รองพื้นไม่แคร็กหรือตกร่อง ส่วนไพรเมอร์แบบ Illuminating จะมีชิมเมอร์เนื้อละเอียดผสมอยู่ ช่วยกระจายแสงให้ผิวดูโกลว์สวย สุขภาพดี
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ไพรเมอร์จึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์เสริม แต่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยยกระดับการแต่งหน้าของคุณให้สวยเนียนและติดทนขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเมคอัพอาร์ติสทั่วโลกถึงยกให้ไพรเมอร์เป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในกระเป๋าเครื่องสำอางค่ะ
เลือกไพรเมอร์ให้ปัง! เคล็ดลับเลือกไพรเมอร์ที่ใช่สำหรับสภาพผิวของคุณ
การเลือกไพรเมอร์ที่ “ดีที่สุด” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์หรือราคาเสมอไป แต่หัวใจสำคัญคือการเลือกให้ “เหมาะสม” กับสภาพผิวและปัญหาผิวของเรามากที่สุด เพราะการใช้ไพรเมอร์ผิดประเภทอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา แถมยังอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้อีกด้วย มาดูกันค่ะว่าผิวแบบไหนควรเลือกใช้ไพรเมอร์แบบใด
สำหรับคนผิวมัน และผิวผสม
เป้าหมายหลักของคนผิวมันและผิวผสมคือการควบคุมความมันส่วนเกินและอำพรางรูขุมขน ไพรเมอร์ที่เกิดมาเพื่อคุณคือ “ไพรเมอร์คุมมัน” (Mattifying Primer) และ “ไพรเมอร์เบลอรูขุมขน” (Pore-Blurring Primer) ซึ่งมักมีส่วนผสมของซิลิโคนเป็นหลัก มองหาส่วนผสมอย่าง Dimethicone หรือ Cyclomethicone ที่จะช่วยสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบผิว ช่วยเติมเต็มรูขุมขนให้ดูตื้นขึ้น และควบคุมความมันวาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อสัมผัสของไพรเมอร์ประเภทนี้มักจะเป็นเจลใสๆ หรือเนื้อซิลิโคนที่ให้ความรู้สึกเรียบลื่นหลังทา ควรเน้นทาบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) ที่มักจะผลิตน้ำมันออกมามากกว่าส่วนอื่น
สำหรับคนผิวแห้ง
คนผิวแห้งต้องการการบำรุงและความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้รองพื้นดูแห้งแตกหรือเป็นขุยระหว่างวัน ควรมองหา “ไพรเมอร์เติมความชุ่มชื้น” (Hydrating Primer) ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น Hyaluronic Acid, Glycerin, หรือวิตามิน E เนื้อไพรเมอร์มักจะเป็นแบบโลชั่นหรือครีมที่ให้ความรู้สึกสบายผิว หรือถ้าคุณอยากได้ลุคผิวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี ลอง “ไพรเมอร์เพิ่มความกระจ่างใส” (Illuminating/Radiant Primer) ที่มีส่วนผสมของชิมเมอร์เนื้อละเอียด จะช่วยให้ผิวดูโกลว์สวย มีมิติ และดูสุขภาพดีขึ้นทันที
สำหรับคนผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่ายต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือน้ำมันที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันได้ ควรมองหาไพรเมอร์ที่ระบุว่า “Hypoallergenic” (ผ่านการทดสอบการแพ้), “Non-Comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน), หรือ “Fragrance-Free” (ปราศจากน้ำหอม) ไพรเมอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติหรือ “Mineral-Based Primer” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายค่ะ
รีวิวจัดเต็ม! 8 ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่สุดแห่งปี
ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เราได้รวบรวมและคัดสรร 8 ไพรเมอร์ตัวเด็ดจากแบรนด์ดังที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหนหรือต้องการฟินิชลุคแบบใด ลิสต์นี้มีคำตอบให้คุณแน่นอนค่ะ
1. Benefit The POREfessional Face Primer
หากพูดถึงไพรเมอร์เบลอรูขุมขนในตำนาน ชื่อของ Benefit The POREfessional ต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเนื้อสัมผัสแบบบาล์มซิลิโคนที่เนียนนุ่มดุจใยไหม เมื่อทาลงบนผิวจะให้ความรู้สึกเรียบลื่นทันที ความสามารถในการอำพรางรูขุมขนและริ้วรอยเล็กๆ นั้นทำได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนราวกับใส่ฟิลเตอร์ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันได้ดีในระดับหนึ่ง ทำให้เมคอัพติดทนขึ้น หน้าไม่มันเยิ้มระหว่างวัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและผิวผสมถึงผิวมันที่ต้องการผิวเนียนกริบเป็นพิเศษ แม้ราคาจะสูงไปบ้าง แต่คุณภาพและความสามารถในการสร้างผิวสวยสมบูรณ์แบบก็คุ้มค่ากับการลงทุน เป็นไอเทมที่ควรมีติดโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเสกผิวสวยในวันสำคัญ
คุณสมบัติเด่น:
- เนื้อบาล์มบางเบา ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free)
- สุดยอดแห่งการเบลอรูขุมขนและริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้นทันที
- ช่วยควบคุมความมัน ให้ผิวดูแมตต์แต่ไม่แห้ง
- มีส่วนผสมของวิตามินอี ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานตลอดวัน
- เหมาะสำหรับผิวธรรมดา ผิวผสม และผิวมัน
2. Hourglass Veil Mineral Primer
ยกระดับผิวให้ดูหรูหราสมบูรณ์แบบกับไพรเมอร์เนื้อลิควิดสุดพรีเมียมจาก Hourglass ที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบ All-in-one เนื้อไพรเมอร์เป็นสีขาวน้ำนม บางเบาเหมือนอากาศ เกลี่ยง่ายและซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะ สิ่งที่ทำให้ไพรเมอร์ตัวนี้โดดเด่นคือความสามารถในการสร้างผิวที่ดู “นวล” และ “ละมุน” ขึ้นทันที ช่วยเบลอรูขุมขน ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยแดง และยังช่วยให้รองพื้นดูสวยผ่อง ไม่ดรอประหว่างวัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ และมี SPF 15 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อีกระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ต้องการไพรเมอร์ที่ช่วยทั้งเรื่องความเรียบเนียน ความติดทน และการปรับโทนผิวให้ดูสวยแพงในขั้นตอนเดียว
คุณสมบัติเด่น:
- เนื้อสัมผัสบางเบาดุจอากาศ ให้ความรู้สึกสบายผิว
- มีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ (Water-Resistant)
- ช่วยลดเลือนรอยแดง อำพรางรูขุมขน และริ้วรอย
- มีส่วนผสมของแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว
- มี SPF 15 ช่วยป้องกันรังสี UVA/UVB
- ปราศจากน้ำมัน พาราเบน ซัลเฟต และน้ำหอม
- เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย
3. Laura Mercier Pure Canvas Primer – Hydrating
สำหรับสาวผิวแห้งที่มองหาไพรเมอร์ที่จะมาช่วยชีวิต นี่คือคำตอบค่ะ Laura Mercier Pure Canvas Primer สูตร Hydrating ถูกออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก เนื้อไพรเมอร์เป็นแบบครีมโลชั่นที่อุดมไปด้วยสารสกัดจาก Olive Extract และ Marine Hydra Botanicals ช่วยปลอบประโลมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู สุขภาพดีตลอดวัน เมื่อทาลงไปจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวนุ่มและชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยแก้ปัญหาลงรองพื้นแล้วเป็นขุยหรือตกร่องได้อย่างอยู่หมัด ทำให้เมคอัพดูเรียบเนียนและติดทนมากขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เป็นไพรเมอร์ที่เน้นการบำรุงไปพร้อมๆ กับการเตรียมผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำที่ต้องการให้เมคอัพดูสวยฉ่ำและติดทนนาน
คุณสมบัติเด่น:
- ไพรเมอร์สูตรน้ำ (Water-Based) ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- เน้นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึกและยาวนาน
- มีสารสกัดจากธรรมชาติช่วยบำรุงและปลอบประโลมผิว
- ช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้น ไม่เป็นคราบหรือเป็นขุย
- ปราศจากซิลิโคน พาราเบน และน้ำหอม
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งและผิวขาดน้ำ
4. e.l.f. Poreless Putty Primer
ไพรเมอร์เนื้อบาล์ม “ถูกและดี” ที่โด่งดังจนกลายเป็นไวรัลและถูกยกให้เป็น Dupe ของแบรนด์ไฮเอนด์หลายๆ ตัว e.l.f. Poreless Putty Primer มาในรูปแบบเนื้อพุตตี้ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อวอร์มบนนิ้วมือแล้วทาลงบนผิวจะเปลี่ยนเป็นเนื้อสัมผัสเนียนลื่นที่ช่วยเบลอรูขุมขนได้อย่างดีเยี่ยม ให้ฟินิชลุคที่เรียบเนียนไร้ที่ติ มีส่วนผสมของสควาเลน (Squalane) ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและล็อคเมคอัพให้ติดทนตลอดวันโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง ความดีงามของมันคือการสร้างผิวที่สมบูรณ์แบบในราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นที่รักของบิวตี้บล็อกเกอร์และผู้ใช้ทั่วโลก เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวที่ต้องการความเรียบเนียนและการเบลอรูขุมขนเป็นพิเศษ เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่พิสูจน์ว่าของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป
คุณสมบัติเด่น:
- เนื้อพุตตี้ (Putty-to-Velvet) ที่ให้ฟินิชลุคผิวเนียนกริบ
- อุดมด้วยสควาเลน ช่วยให้ความชุ่มชื้นและยึดเกาะเมคอัพ
- ช่วยอำพรางรูขุมขนและข้อบกพร่องของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สูตร Vegan และ Cruelty-Free
- ปราศจากพาทาเลต พาราเบน และสารเคมีอันตราย
- ราคาเข้าถึงง่าย คุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ดัง
5. Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base
นี่คือผลิตภัณฑ์ 2-in-1 ที่เป็นทั้งมอยส์เจอไรเซอร์และไพรเมอร์ในกระปุกเดียว Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base คือไอเทมโปรดของเมคอัพอาร์ติสทั่วโลก ด้วยเนื้อครีมเข้มข้นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเกรปฟรุตและเจอเรเนียมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อุดมไปด้วยวิตามิน B, C, และ E ที่ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและกระจ่างใส พร้อมด้วย Shea Butter และ Hyaluronic Acid ที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อใช้เป็นเบสก่อนแต่งหน้าจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู นุ่มเนียน ทำให้รองพื้นเกาะผิวได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ให้ฟินิชลุคที่ดูเป็นผิวสุขภาพดีจากภายใน เหมาะสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง หรือใครก็ตามที่ต้องการการบำรุงแบบเร่งด่วนก่อนแต่งหน้า
คุณสมบัติเด่น:
- เป็นทั้งมอยส์เจอไรเซอร์และไพรเมอร์ในหนึ่งเดียว
- อุดมไปด้วยวิตามิน B, C, E ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
- มี Shea Butter และ Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นสูง
- เนื้อครีมเข้มข้นแต่ซึมไว ไม่ทิ้งความมัน
- ช่วยให้รองพื้นเรียบเนียนและติดทนนานขึ้น
- ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) และผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
6. Fenty Beauty Pro Filt’r Instant Retouch Primer
ไพรเมอร์ที่เกิดมาเพื่อสร้างผิวสวยพร้อมออกกล้องตามแบบฉบับของ Rihanna จาก Fenty Beauty Pro Filt’r Instant Retouch Primer มีเนื้อสัมผัสเป็นโลชั่นสีชมพูอ่อนๆ ที่บางเบาและสบายผิว เมื่อทาลงไปจะช่วยปรับผิวให้ดูสว่างและเรียบเนียนขึ้นทันที ด้วยเทคโนโลยี Invisipink™ ที่ช่วยให้เข้าได้กับทุกโทนสีผิวโดยไม่ทิ้งคราบขาว จุดเด่นคือความสามารถในการเบลอรูขุมขนและควบคุมความมันได้อย่างดีเยี่ยม แต่ยังคงให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ให้ฟินิชลุคแบบ Soft Matte ที่ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยให้รองพื้น Pro Filt’r (หรือรองพื้นอื่นๆ) ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและติดทนนานตลอดวัน เหมาะสำหรับผิวผสมถึงผิวมันที่ต้องการไพรเมอร์ที่ช่วยทั้งคุมมันและเบลอผิวไปพร้อมๆ กัน
คุณสมบัติเด่น:
- เนื้อโลชั่นสีชมพูอ่อน บางเบา สบายผิว
- เทคโนโลยี Invisipink™ ช่วยปรับผิวให้ดูสว่างเรียบเนียน เข้าได้กับทุกสีผิว
- ช่วยเบลอรูขุมขนและควบคุมความมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ให้ฟินิชลุคแบบ Soft Matte ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ช่วยล็อคเมคอัพให้ติดทนยาวนาน
- ปราศจากน้ำมันและพาราเบน
7. NARS Radiance Primer SPF 35/PA+++
ปลุกผิวที่ดูเหนื่อยล้าให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาด้วย NARS Radiance Primer ไพรเมอร์ที่เน้นการสร้างผิวโกลว์สวยสุขภาพดี เนื้อไพรเมอร์เป็นสีชมพูมุกละเอียดที่ช่วยกระจายแสงได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อทาลงบนผิวจะช่วยขับผิวให้ดูสว่างและเปล่งประกายขึ้นทันที แต่เป็นความโกลว์ที่ดูนวลเนียน ไม่ใช่ความมันวาว มีส่วนผสมของ Radiance Boosting Complex ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสในระยะยาว และยังมาพร้อมค่ากันแดดสูงถึง SPF 35/PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมั่นใจ สามารถใช้เดี่ยวๆ ในวันสบายๆ เพื่อโชว์ผิวสวย หรือใช้เป็นเบสก่อนลงรองพื้นเพื่อเพิ่มมิติและความติดทนก็ได้ เหมาะสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง หรือใครก็ตามที่อยากได้ลุคผิวฉ่ำวาวดูสุขภาพดี
คุณสมบัติเด่น:
- มีส่วนผสมของไข่มุกเนื้อละเอียด ช่วยสร้างผิวโกลว์สวย
- Radiance Boosting Complex ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กระจ่างใส
- ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF 35/PA+++
- ช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น
- ปราศจากน้ำมัน เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน
- ช่วยให้ผิวดูสดใส มีชีวิตชีวา ไม่ดูหมองคล้ำ
8. MAYBELLINE NEW YORK Fit Me Matte + Poreless Primer
ไพรเมอร์คุมมันตัวเทพในราคาสบายกระเป๋าจาก Maybelline New York สูตร Fit Me Matte + Poreless ถูกออกแบบมาเพื่อคนผิวมันและมีปัญหารูขุมขนกว้างโดยเฉพาะ เนื้อไพรเมอร์เป็นครีมเจลสีขาวที่เกลี่ยง่ายและให้ความรู้สึกแมตต์ทันทีที่ทา มีส่วนผสมของดินขาว (Clay) ที่ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้สามารถควบคุมความมันได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง ช่วยเบลอรูขุมขนให้ดูเล็กลง และยังมาพร้อมค่ากันแดด SPF 20 อีกด้วย เป็นไพรเมอร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวมันได้อย่างตรงจุด ช่วยล็อครองพื้นให้สวยเป๊ะ ไม่เยิ้ม ไม่ดรอปตลอดวัน ในราคาที่นักเรียนนักศึกษาก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย ถือเป็นอีกหนึ่งไพรเมอร์คุณภาพเยี่ยมที่คุ้มค่าเกินราคา
คุณสมบัติเด่น:
- ควบคุมความมันยาวนานถึง 16 ชั่วโมง ด้วยส่วนผสมของดินขาว
- ให้ฟินิชลุคแมตต์สนิท ช่วยเบลอรูขุมขน
- มีส่วนผสมของสารกันแดด SPF 20
- เนื้อครีมเจลบางเบา ไม่เหนอะหนะ
- ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
- ราคาเข้าถึงง่าย หาซื้อง่าย
How to ใช้ไพรเมอร์ให้ถูกวิธี เพื่อผิวสวยเนียนกริบตลอดวัน
มีไพรเมอร์ดีๆ อยู่ในมือแล้ว แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ การลงไพรเมอร์อย่างถูกขั้นตอนจะช่วยดึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ มาดูเคล็ดลับง่ายๆ กันค่ะ:
- เริ่มต้นด้วยผิวที่สะอาด: ล้างหน้าให้สะอาดและลงสกินแคร์บำรุงผิวตามปกติ (เซรั่ม, มอยส์เจอไรเซอร์) และที่สำคัญที่สุดคือ “ครีมกันแดด”
- รอให้สกินแคร์ซึม: ขั้นตอนนี้สำคัญมาก! ควรรอสัก 3-5 นาทีเพื่อให้สกินแคร์และครีมกันแดดเซ็ตตัวและซึมเข้าสู่ผิวจนหมดก่อน การลงไพรเมอร์ทับทันทีอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่เกาะผิวและเกิดเป็นขุยได้
- ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ: บีบไพรเมอร์ออกมาในปริมาณเท่า “เมล็ดถั่ว” ก็เพียงพอสำหรับทั่วทั้งใบหน้า การใช้ไพรเมอร์มากเกินไปอาจทำให้หน้าเป็นคราบและรองพื้นเกลี่ยยากขึ้น
- วอร์มผลิตภัณฑ์ก่อนใช้: ใช้นิ้วมือวอร์มเนื้อไพรเมอร์เล็กน้อย จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่ายและแนบสนิทไปกับผิวได้ดียิ่งขึ้น
- ลงให้ถูกจุด: ใช้นิ้วมือ (ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด) ค่อยๆ แตะและเกลี่ยไพรเมอร์จากกึ่งกลางใบหน้าออกไปด้านนอก เน้นเป็นพิเศษในบริเวณที่มีปัญหา เช่น T-Zone ที่มีความมันและรูขุมขนกว้าง หรือบริเวณแก้มที่แห้งกร้าน (ขึ้นอยู่กับประเภทไพรเมอร์ที่ใช้)
- รออีกครั้ง: หลังจากลงไพรเมอร์แล้ว ให้รออีกประมาณ 1-2 นาทีเพื่อให้ไพรเมอร์เซ็ตตัวสร้างชั้นฟิล์มบนผิวก่อนที่จะลงรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ในขั้นตอนต่อไป
เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ ผิวของคุณก็จะพร้อมสำหรับการแต่งหน้าที่สวยเนียนและติดทนนานกว่าที่เคยค่ะ!
ตารางเปรียบเทียบ 8 ไพรเมอร์ตัวท็อป ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะ!
เพื่อให้เห็นภาพรวมและช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกไพรเมอร์ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น เราได้สรุปข้อมูลสำคัญของไพรเมอร์ทั้ง 8 ยี่ห้อมาไว้ในตารางเปรียบเทียบนี้แล้วค่ะ
แบรนด์/ผลิตภัณฑ์ | คุณสมบัติเด่นที่สุด | เหมาะกับสภาพผิว | เนื้อสัมผัส |
---|---|---|---|
Benefit The POREfessional | เบลอรูขุมขนขั้นเทพ ผิวเรียบเนียนทันที | ผิวผสม-ผิวมัน, มีปัญหารูขุมขน | บาล์มซิลิโคน |
Hourglass Veil Mineral Primer | สร้างผิวสวยนวลเนียน กันน้ำ กันแดด | ทุกสภาพผิว (โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย) | ลิควิดน้ำนม |
Laura Mercier Pure Canvas – Hydrating | เติมความชุ่มชื้นล้ำลึก ผิวอิ่มน้ำ | ผิวแห้ง-ผิวขาดน้ำ | ครีมโลชั่น (สูตรน้ำ) |
e.l.f. Poreless Putty Primer | เบลอผิวเนียนกริบในราคาย่อมเยา | ทุกสภาพผิว | พุตตี้/บาล์ม |
Bobbi Brown Vitamin Enriched Face Base | ไพรเมอร์และมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว | ผิวธรรมดา-ผิวแห้ง | ครีมเข้มข้น |
Fenty Beauty Pro Filt’r Primer | คุมมันและเบลอผิว ให้ฟินิช Soft Matte | ผิวผสม-ผิวมัน | โลชั่นบางเบา |
NARS Radiance Primer | ผิวโกลว์สวย สุขภาพดี มีกันแดด | ผิวธรรมดา-ผิวแห้ง | ครีมมุก |
MAYBELLINE Fit Me Primer | คุมมันยาวนาน 16 ชม. ราคาถูกและดี | ผิวมันมาก | ครีมเจล |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. จำเป็นต้องใช้ไพรเมอร์ทุกวันไหม?
ไม่จำเป็นค่ะ หากในวันสบายๆ ที่คุณไม่ได้ต้องการความเป๊ะหรือความติดทนของเมคอัพเป็นพิเศษ การลงแค่สกินแคร์และครีมกันแดดก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นวันที่คุณต้องการให้เมคอัพสวยติดทนนานตลอดวัน เช่น วันทำงาน วันรับปริญญา หรือไปงานเลี้ยง การใช้ไพรเมอร์จะช่วยสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนค่ะ
2. ควรลงไพรเมอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดดลำดับไหน?
ลำดับที่ถูกต้องคือ มอยส์เจอไรเซอร์ -> ครีมกันแดด -> ไพรเมอร์ ค่ะ ให้คิดเสมอว่าสกินแคร์ (มอยส์เจอไรเซอร์) คือการบำรุงผิว, ครีมกันแดดคือการปกป้องผิว และไพรเมอร์คือการเตรียมผิวสำหรับการแต่งหน้า ควรเว้นระยะให้แต่ละขั้นตอนเซ็ตตัวก่อนลงขั้นตอนต่อไปเสมอ
3. ไม่แต่งหน้า ใช้ไพรเมอร์อย่างเดียวได้ไหม?
ได้แน่นอนค่ะ! โดยเฉพาะไพรเมอร์ที่ช่วยเบลอรูขุมขนหรือปรับสีผิวให้สว่างขึ้น สามารถใช้เดี่ยวๆ ในวันที่ไม่อยากแต่งหน้าหนักได้เลย มันจะช่วยให้ผิวของคุณดูเรียบเนียนและสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนผิวดีแต่ไม่ได้แต่งหน้า (No-Makeup Makeup Look) ค่ะ
4. ทำไมใช้ไพรเมอร์แล้วหน้าเป็นขุยหรือเป็นคราบ?
สาเหตุหลักมักเกิดจาก 2 อย่างคือ: หนึ่ง การไม่รอให้สกินแคร์หรือครีมกันแดดซึมเข้าผิวดีพอก่อนลงไพรเมอร์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทำปฏิกิริยากันและจับตัวเป็นก้อน สอง การใช้ไพรเมอร์ที่มีเบสต่างจากรองพื้น เช่น ใช้ไพรเมอร์ซิลิโคนเบส (Silicone-Based) คู่กับรองพื้นสูตรน้ำ (Water-Based) ซึ่งอาจทำให้รองพื้นแยกชั้นและเกลี่ยไม่ติดผิวได้ ควรพยายามเลือกใช้ไพรเมอร์และรองพื้นที่มีเบสเดียวกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
บทสรุป
การเลือก ไพรเมอร์ ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณนั้น เปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยมือโปรที่คอยเตรียมผิวให้สมบูรณ์แบบก่อนการแต่งหน้า ไม่ว่าคุณจะมีผิวมันที่ต้องการการควบคุมความมันและเบลอรูขุมขน, ผิวแห้งที่โหยหาความชุ่มชื้นและความฉ่ำโกลว์, หรือผิวแพ้ง่ายที่ต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ปัจจุบันมีไพรเมอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่แบรนด์ Drugstore คุณภาพเยี่ยมอย่าง e.l.f. และ Maybelline ไปจนถึงแบรนด์ไฮเอนด์ระดับตำนานอย่าง Benefit, Hourglass, และ Bobbi Brown
หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจสภาพผิวของตัวเองและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เมื่อคุณเจอไพรเมอร์คู่ใจแล้ว คุณจะค้นพบว่าการแต่งหน้าให้สวยเนียน ติดทน ไม่ตกร่องตลอดวันนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือชั้นดีที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกไพรเมอร์ที่ใช่ และสนุกกับการแต่งหน้าได้อย่างเต็มที่นะคะ!
“`
Image by: Diana ✨
https://www.pexels.com/@didsss