เคยไหมคะ? ที่ตั้งใจไปทำสีผมสวยๆ อย่างสีเทาหม่น สีบลอนด์สว่าง หรือสีแอชเก๋ๆ ที่ร้านมาในราคาแสนแพง แต่ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ สีผมที่เคยสวยปังกลับเริ่มเพี้ยน ติดโทนเหลืองหรือส้มเหมือนสนิมเกาะ จนความมั่นใจหดหาย ปัญหานี้คือฝันร้ายของคนรักการทำสีผมเลยใช่ไหมล่ะคะ? แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีฮีโร่ที่จะมากอบกู้สีผมของคุณให้กลับมาสวยเป๊ะเหมือนเพิ่งออกจากซาลอน นั่นก็คือ “แชมพูม่วง” นั่นเอง! ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของแชมพูม่วง ตั้งแต่หลักการทำงาน วิธีเลือกให้เหมาะกับสภาพผม ไปจนถึงการรีวิวจัดเต็ม 10 แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ช่วยล็อกสีผมสวย ลดประกายเหลืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมบอกลาผมสีสนิมแล้วกลับมามีผมสวยปังได้เลยค่ะ!
แชมพูม่วง คืออะไร? ทำไมคนทำสีผมต้องมีติดบ้าน
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการทำสีผม อาจจะยังสงสัยว่าแชมพูม่วงคืออะไร แล้วทำไมมันถึงมีสีม่วง? คำตอบนั้นง่ายกว่าที่คิดและอยู่บนหลักการของ “วงจรสี” (Color Wheel) ค่ะ ตามทฤษฎีสีแล้ว สีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงจรจะสามารถหักล้างกันได้ ซึ่งสีที่อยู่ตรงข้ามกับ “สีเหลือง” ก็คือ “สีม่วง” นั่นเอง
ดังนั้น แชมพูม่วงจึงเป็นแชมพูที่มีการเติมเม็ดสีม่วง (Violet Pigment) เข้าไป เพื่อทำหน้าที่เป็น “โทนเนอร์” ให้กับเส้นผมโดยเฉพาะ เมื่อเราสระผมด้วยแชมพูม่วง เม็ดสีม่วงจะเข้าไปเกาะบนเส้นผมและทำการ “หักล้าง” หรือ “ปรับแก้” เม็ดสีเหลืองที่ไม่ต้องการออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือสีผมที่ดูหม่นขึ้น สว่างขึ้น และไม่มีประกายเหลืองหรือส้มมารบกวนใจอีกต่อไป ทำให้สีผมบลอนด์ สีเทา หรือสีโทนหม่นต่างๆ ที่เราทำมากลับมาสวยชัดและอยู่กับเราได้นานขึ้นนั่นเองค่ะ
ใครบ้างที่ควรใช้แชมพูม่วง?
- ผู้ที่กัดสีผมหรือทำผมสีบลอนด์: นี่คือกลุ่มผู้ใช้หลักเลยค่ะ เพราะการกัดสีผมเป็นการดึงเม็ดสีเดิมออก ทำให้พื้นผมติดโทนเหลืองได้ง่ายมาก แชมพูม่วงจะช่วยรักษาสีบลอนด์ให้สว่างสวย ไม่ติดเหลือง
- ผู้ที่ทำผมสีเทา สีแอช หรือสีโทนหม่น: สีโทนเย็นเหล่านี้มักจะหลุดง่ายและเผยให้เห็นพื้นผมสีเหลืองที่ซ่อนอยู่ การใช้แชมพูม่วงเป็นประจำจะช่วยล็อกให้สีเทาคงความหม่นสวยได้ยาวนานขึ้น
- ผู้ที่ทำไฮไลท์หรือบาลายาจ: สำหรับคนที่มีช่อผมสว่าง การใช้แชมพูม่วงจะช่วยให้เส้นไฮไลท์ยังคงความคมชัดและสว่าง ไม่กลืนไปกับสีพื้นผม
- ผู้ที่มีผมขาวหรือผมหงอกตามธรรมชาติ: ผมหงอกก็สามารถติดโทนเหลืองได้จากมลภาวะหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ แชมพูม่วงจะช่วยให้ผมขาวดูสว่างและสะอาดตาขึ้น
วิธีเลือกแชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะกับสภาพผมของคุณ
การเลือกแชมพูม่วงก็เหมือนกับการเลือกสกินแคร์ค่ะ ไม่ใช่ว่าขวดไหนก็ใช้ได้เหมือนกันหมด การเลือกให้ถูกกับสภาพเส้นผมและความต้องการจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและไม่ทำให้ผมเสียไปมากกว่าเดิม นี่คือปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อหาคำตอบว่า แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี สำหรับคุณโดยเฉพาะ
- ความเข้มข้นของเม็ดสีม่วง: สังเกตที่เนื้อแชมพู ถ้ามีสีม่วงเข้มจัดเหมือนน้ำหมึก แสดงว่ามีเม็ดสีที่เข้มข้นสูง เหมาะสำหรับคนที่กัดสีผมมาสว่างมากๆ ระดับ 8 ขึ้นไป หรือคนที่ผมติดเหลืองหนักมาก แต่ถ้าคุณมีผมสีบลอนด์เข้มหรือทำแค่ไฮไลท์เล็กน้อย การเลือกใช้แชมพูที่มีสีม่วงอ่อนลงมา (อมม่วงลาเวนเดอร์) จะเหมาะสมกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผมติดม่วงจนเกินไป
- ส่วนผสมในการบำรุง: การกัดสีผมทำให้ผมแห้งเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นควรมองหาแชมพูม่วงที่มีส่วนผสมของสารบำรุงต่างๆ เช่น เคราติน (Keratin) ที่ช่วยเสริมความแข็งแรง, น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil), น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) หรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผมเสีย
- สูตรปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free): ซัลเฟตคือสารทำความสะอาดที่ทำให้เกิดฟองเยอะ แต่ก็สามารถชะล้างสีผมและความชุ่มชื้นตามธรรมชาติออกไปได้เช่นกัน การเลือกแชมพูม่วงสูตร Sulfate-Free จะช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ถนอมสีผม และไม่ทำให้ผมแห้งกระด้าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย
- รีวิวและคำแนะนำ: การอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงหรือคำแนะนำจากช่างทำผมมืออาชีพเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะจะทำให้เราเห็นภาพผลลัพธ์ที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
เคล็ดลับการใช้แชมพูม่วงให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด (เหมือนทำที่ร้าน!)
มีแชมพูม่วงดีๆ อยู่ในมือแล้ว แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังหรืออาจทำให้ผมแห้งเสียได้ มาดูเทคนิคการใช้งานที่ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ
- สระด้วยแชมพูธรรมดาก่อน 1 รอบ: ในวันที่ผมสกปรกหรือมันมาก ให้ใช้แชมพูทั่วไปสระเพื่อล้างความมันและสิ่งสกปรกออกไปก่อน 1 รอบ แล้วล้างออกให้สะอาด เพื่อเป็นการเปิดเกล็ดผมและเตรียมให้แชมพูม่วงทำงานได้อย่างเต็มที่
- ชโลมแชมพูม่วงให้ทั่ว: บีบแชมพูม่วงในปริมาณที่พอเหมาะ (อาจจะมากกว่าแชมพูปกติเล็กน้อย) แล้วชโลมลงบนผมที่เปียกหมาด เน้นบริเวณที่ผมมีประกายเหลืองมากเป็นพิเศษ เช่น ปลายผมหรือช่อไฮไลท์ นวดเบาๆ ให้เกิดฟองและกระจายตัวให้ทั่วศีรษะ
- ทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด! ควรอ่านคำแนะนำข้างขวดเสมอ โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที สำหรับผู้ที่เริ่มใช้ครั้งแรก อาจเริ่มจาก 2-3 นาทีก่อนเพื่อดูผลลัพธ์ หากทิ้งไว้นานเกินไปอาจทำให้ผมติดสีม่วงได้
- ล้างออกให้สะอาดและตามด้วยครีมนวด: ล้างแชมพูม่วงออกให้หมดจดจนน้ำใส จากนั้นให้ใช้ครีมนวดผมหรือทรีทเมนท์มาสก์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ เพื่อปิดเกล็ดผม เติมความชุ่มชื้น และช่วยให้ผมนุ่มสลวยไม่แห้งกระด้าง
- ความถี่ในการใช้: ไม่ควรใช้แชมพูม่วงทุกวัน เพราะอาจทำให้ผมแห้งและสีเพี้ยนติดม่วงได้ ความถี่ที่เหมาะสมคือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือใช้เมื่อรู้สึกว่าผมเริ่มติดเหลือง โดยสลับกับการใช้แชมพูสำหรับผมทำสีตามปกติ
เปิดกรุ! รีวิว 10 แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ช่างผมแนะนำ
มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย กับการคัดเลือกและรีวิว 10 แชมพูม่วงตัวท็อป ที่ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้ใช้งานจริงและช่างผมมืออาชีพ ว่าช่วยลดประกายเหลืองและล็อกสีผมได้อย่างน่าประทับใจ
1. OLAPLEX No.4P Blonde Enhancer Toning Shampoo
ยืนหนึ่งเรื่องการดูแลผมเสียจากการทำเคมี OLAPLEX No.4P คือแชมพูม่วงระดับพรีเมียมที่ไม่ได้มีดีแค่การล้างไรเหลือง แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Bond-Building เอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยซ่อมแซมพันธะผมที่เสียหายจากการฟอกสีได้อย่างล้ำลึก เนื้อแชมพูเข้มข้นแต่ปราศจากซัลเฟต จึงทำความสะอาดได้อย่างอ่อนโยนและไม่ทำให้สีผมหลุดลอกไว เหมาะสำหรับผู้ที่ผมเสียสะสมจากการทำเคมีหนักๆ และต้องการทั้งการปรับโทนสีและฟื้นบำรุงไปพร้อมกัน แม้ราคาจะสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือผมที่นุ่มขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีสีบลอนด์หม่นที่สวยสว่างเหมือนเพิ่งทำสีมาใหม่ๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนรักเส้นผมอย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่น:
- เทคโนโลยี Bond-Building ช่วยซ่อมแซมโครงสร้างผมจากภายใน
- เม็ดสีม่วงเข้มข้นสูง ปรับลดประกายเหลืองได้ดีเยี่ยม
- สูตร Sulfate-Free, Paraben-Free, Phthalate-Free อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ
- ให้ความชุ่มชื้นสูง ผมไม่แห้งกระด้างหลังใช้
- เหมาะสำหรับผมฟอกสีระดับสว่างและผมเสียสะสม
2. Kérastase Blond Absolu Bain Ultra-Violet Shampoo
แบรนด์ซาลอนสุดหรูจากฝรั่งเศสอย่าง Kérastase ก็มีแชมพูม่วงในตำนานเช่นกัน กับ Blond Absolu Bain Ultra-Violet ที่โดดเด่นด้วยการผสานพลังของเม็ดสีม่วงเข้มข้นเข้ากับส่วนผสมบำรุงสุดล้ำอย่าง Hyaluronic Acid และดอกเอเดลไวส์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมที่แห้งกร้านจากการฟอกสีกลับมานุ่มสลวย มีน้ำหนัก เนื้อแชมพูให้ฟองนุ่มละเอียด ทำความสะอาดได้ดีพร้อมกลิ่นหอมหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ช่วยกำจัดประกายเหลืองและส้มได้อย่างหมดจด ทำให้สีผมดูเย็นขึ้นและสว่างใสขึ้นทันทีหลังใช้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประสบการณ์การสระผมที่เหนือระดับพร้อมการบำรุงเต็มพิกัด
คุณสมบัติเด่น:
- มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมอย่างล้ำลึก
- สารสกัดจากดอกเอเดลไวส์ (Edelweiss Flower) ช่วยปกป้องผมจากมลภาวะและอนุมูลอิสระ
- เม็ดสี Ultra-Violet ช่วยลดประกายเหลืองและส้มได้อย่างรวดเร็ว
- มอบความนุ่มสลวยและเงางามให้เส้นผม
- มีกลิ่นหอมติดทนนาน ให้ความรู้สึกเหมือนทำสปาผม
3. Fanola No Yellow Shampoo
หากพูดถึงแชมพูม่วงที่เม็ดสีเข้มข้นสะใจที่สุด ต้องยกให้ Fanola No Yellow จากอิตาลี ขวดนี้คือตัวแม่ในวงการล้างไรเหลืองที่ช่างผมทั่วโลกยอมรับ ด้วยเม็ดสีม่วงที่เข้มข้นระดับสูงสุด สามารถกำจัดประกายเหลืองที่ฝังแน่นบนผมที่ฟอกสว่างระดับ 9-10 ได้อย่างราบคาบ เปลี่ยนผมที่ติดเหลืองให้กลายเป็นสีเทาหม่นหรือบลอนด์ขาวได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้มข้นที่สูงมากจึงอาจทำให้ผมแห้งได้ง่ายและต้องระวังเรื่องการทิ้งเวลาบนเส้นผม เพราะอาจทำให้ผมติดม่วงได้ง่ายเช่นกัน แนะนำให้ใช้คู่กับมาสก์ของแบรนด์และสวมถุงมือขณะใช้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว
คุณสมบัติเด่น:
- เม็ดสีม่วง (Violet Pigment) เข้มข้นที่สุดในตลาด
- ประสิทธิภาพสูงในการกำจัดประกายเหลืองบนผมฟอกสว่าง
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
- ราคาเข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับปริมาณและประสิทธิภาพ
- เป็นที่นิยมในหมู่ช่างทำผมมืออาชีพ
4. L’Oréal Professionnel Serie Expert Silver Shampoo
อีกหนึ่งแชมพูม่วงคุณภาพจากแบรนด์ซาลอนที่หลายคนคุ้นเคย L’Oréal Professionnel Serie Expert Silver ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลผมสีเทา ผมขาว และผมบลอนด์สว่างโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี Gloss Protect System ที่มีกรดอะมิโนและสาร Anti-Yellowing Agent ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม พร้อมทั้งปรับสมดุลเม็ดสีเหลืองที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้สีผมดูสะอาดตาและสว่างสดใสขึ้น เนื้อแชมพูมีสีม่วงน้ำเงินที่ช่วยหักล้างได้ทั้งประกายเหลืองและส้มอ่อนๆ ได้ดี เป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการปรับสีและการบำรุง ไม่ทำให้ผมแห้งกระด้างจนเกินไป เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำเพื่อรักษาสีผมโทนหม่นให้สวยยาวนาน
คุณสมบัติเด่น:
- มี Gloss Protect System ช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม
- มีกรดอะมิโนช่วยบำรุงเส้นผม
- เม็ดสีม่วงอมน้ำเงิน ช่วยปรับแก้ประกายสีเหลืองและส้ม
- เหมาะสำหรับผมขาว ผมเทา และผมบลอนด์สว่าง
- ไม่ทำให้ผมแห้งเสียเมื่อใช้เป็นประจำ
5. Schwarzkopf Professional Goodbye Yellow Shampoo
แค่ชื่อก็บอกแล้วว่า “ลาก่อนสีเหลือง” แชมพูม่วงตัวดังจาก Schwarzkopf Professional ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Bonding และค่า pH ที่ปรับมาอย่างเหมาะสมที่ 4.5 ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนพร้อมกับปรับแก้เม็ดสีเหลืองบนเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อแชมพูเป็นสีม่วงอมน้ำเงินเข้มข้นที่ปราศจากสาร SLS/SLES (ซัลเฟต) จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ทำร้ายโครงสร้างผมหรือทำให้สีซีดจางลง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดประกายเหลืองกวนใจหลังการฟอกสีหรือทำไฮไลท์ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่างผมไว้วางใจในเรื่องคุณภาพและผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ ช่วยคืนความหม่นสวยให้กับสีผมได้อย่างมืออาชีพ
คุณสมบัติเด่น:
- ปราศจากสาร SLS/SLES (Sulfate-Free) อ่อนโยนต่อเส้นผม
- มีค่า pH 4.5 ที่เหมาะสม ช่วยปิดเกล็ดผมและล็อกสี
- เทคโนโลยี Bonding ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผม
- เม็ดสีเข้มข้น ช่วยต่อต้านประกายสีเหลืองได้ทันที
- ให้ผลลัพธ์สีผมที่ดูเย็นและหม่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
6. TRESemmé Pro-Color Series Blonde Brilliance Shampoo
แชมพูม่วงราคาย่อมเยาที่หาซื้อง่ายและคุณภาพดีเกินคาด TRESemmé ขวดนี้ถูกพัฒนามาเพื่อคนทำสีบลอนด์โดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี Purple Pigment Formula ที่ช่วยปรับแก้ประกายเหลือง พร้อมทั้งมีสารสกัดจากน้ำมันโจโจบา (Jojoba Oil) ที่ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งเสียหลังสระ เนื้อแชมพูมีสีม่วงที่ไม่เข้มจัดจนเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ทำผมสีบลอนด์ระดับกลางๆ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้แชมพูม่วง สามารถใช้ได้บ่อยตามต้องการโดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะติดม่วงจนเกินไป เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่มองหาแชมพูม่วงที่ใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่จับต้องได้
คุณสมบัติเด่น:
- Purple Pigment Formula ช่วยลดความเหลืองของเส้นผม
- มีส่วนผสมของ Jojoba Oil ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มชุ่มชื้น
- ราคาเข้าถึงง่าย หาซื้อสะดวก
- เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มใช้แชมพูม่วงและผมสีบลอนด์ทั่วไป
- ช่วยล็อกสีผมบลอนด์ให้สวยสดใสยาวนาน
7. Lolane Pixxel Color Refresh Anti-Yellow Shampoo
แบรนด์ไทยคุณภาพที่ช่างผมซาลอนเลือกใช้ Lolane Pixxel Color Refresh Anti-Yellow Shampoo เป็นแชมพูม่วงที่ออกแบบมาเพื่อคนเอเชียโดยเฉพาะ เข้าใจปัญหาพื้นผมของคนไทยที่มักจะติดส้มแดงหลังการฟอกได้เป็นอย่างดี ขวดนี้จึงช่วยลดประกายเหลืองและส้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเทคโนโลยี Provitamin B5 และ Inca Omega Oil ที่ช่วยบำรุงผมไม่ให้แห้งเสีย ขาดหลุดร่วง และยังช่วยให้ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนักอีกด้วย เนื้อแชมพูไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนียและไฮโดรเจน จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและไม่ทำร้ายผมเพิ่มเติม เหมาะสำหรับทุกสภาพผมที่ผ่านการฟอกหรือทำสีสว่าง
คุณสมบัติเด่น:
- ช่วยลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผม พร้อมเติมประกายสีหม่น
- มี Provitamin B5 และ Inca Omega Oil ช่วยบำรุงเส้นผม
- ปราศจากแอมโมเนียและไฮโดรเจน
- ช่วยชะลอการซีดจางของสีผม (Anti-Color Fading)
- แบรนด์ไทยที่เข้าใจสภาพผมคนไทยเป็นอย่างดี
8. NIGAO Silver Shampoo Anti-Yellow
อีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่มาแรงและโดดเด่นในเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสี NIGAO (นิกาโอะ) Silver Shampoo มาพร้อมกับเม็ดสีม่วงเข้มข้นที่ช่วยปรับสมดุลเม็ดสีบนเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยกำจัดไรเหลืองและส้ม ทำให้สีผมโทนหม่นเทาและบลอนด์ดูสวยชัดเจนขึ้น จุดเด่นคือการมีสารสกัดจากมอลต์ (Malt Extract) ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและเงางาม มาในราคาที่น่าคบหาและคุณภาพที่เทียบเท่าแบรนด์จากต่างประเทศได้สบายๆ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการแชมพูม่วงประสิทธิภาพสูงในราคาที่ไม่แรงจนเกินไป
คุณสมบัติเด่น:
- เม็ดสีม่วงเข้มข้น ช่วยปรับสีผมได้อย่างรวดเร็ว
- มีสารสกัดจากมอลต์ ช่วยบำรุงผมให้แข็งแรงเงางาม
- ช่วยเพิ่มประกายสีเทาหม่นให้เด่นชัดขึ้น
- ปราศจากแอมโมเนียและสารอันตราย
- คุ้มค่าคุ้มราคา ให้ผลลัพธ์ที่ดี
9. Go Hair Anti-Yellow Shampoo
Go Hair แบรนด์ไทยในตำนานที่หลายคนอาจคุ้นเคยกับทรีทเมนท์ขวดเขียว ก็มีแชมพูม่วงที่คุณภาพดีไม่แพ้กัน ขวดนี้มาพร้อมกับเนื้อแชมพูสีม่วงเข้มที่ช่วยลดประกายเหลืองบนเส้นผมได้ดีเยี่ยม พร้อมทั้งมีส่วนผสมของเคราติน (Keratin) ที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผมที่อ่อนแอจากการทำเคมีให้กลับมาแข็งแรงขึ้น และยังมีสารสกัดจากดอกอัญชันที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมที่ผ่านการฟอกสีไม่แห้งกร้าน กลับนุ่มลื่นและจัดทรงง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทั้งการปรับสีและบำรุงผมไปพร้อมๆ กันในขั้นตอนเดียว
คุณสมบัติเด่น:
- มีส่วนผสมของเคราติน ช่วยฟื้นฟูผมเสีย
- สารสกัดจากดอกอัญชันช่วยบำรุงเส้นผม
- ลดประกายเหลืองพร้อมเพิ่มความเงางาม
- ช่วยให้ผมนุ่มลื่น ไม่พันกัน
- เป็นแบรนด์ไทยที่เชื่อถือได้และอยู่คู่คนไทยมานาน
10. Yves Rocher Anti-Pollution & Color Protection Shampoo
ปิดท้ายด้วยแชมพูม่วงสายธรรมชาติจากแบรนด์ Yves Rocher ของฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ใช้ชื่อว่าเป็นแชมพูม่วงโดยตรง แต่สูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อผมทำสีโดยเฉพาะและมีเม็ดสีม่วงอ่อนๆ ผสมอยู่ด้วย จุดเด่นคือส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติกว่า 91% เช่น Agave Fructans และ Acai Pulp ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและรังสียูวีซึ่งเป็นตัวการทำให้สีผมซีดจางและติดเหลือง เป็นสูตรที่อ่อนโยนมาก ปราศจากซิลิโคนและซัลเฟต เหมาะสำหรับคนที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย หรือคนที่ไม่ได้มีประกายเหลืองมากนัก แต่ต้องการแชมพูที่ช่วยถนอมสีผมและบำรุงอย่างอ่อนโยนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
คุณสมบัติเด่น:
- ส่วนผสมจากธรรมชาติกว่า 91%
- มี Agave Fructans ช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง
- สารสกัดจาก Acai Pulp ช่วยปกป้องสีผมจากอนุมูลอิสระ
- สูตร Sulfate-Free และ Silicone-Free อ่อนโยนเป็นพิเศษ
- เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อถนอมสีผมและลดประกายเหลืองเล็กน้อย
ตารางเปรียบเทียบ 10 แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี 2025
ยี่ห้อ | คุณสมบัติเด่น | เหมาะสำหรับ | ระดับราคา |
---|---|---|---|
OLAPLEX No.4P | ซ่อมแซมพันธะผม (Bond-Building) | ผมฟอกสีสว่างและผมเสียมาก | สูง |
Kérastase Blond Absolu | บำรุงล้ำลึกด้วย Hyaluronic Acid | ผมแห้งเสีย ต้องการความชุ่มชื้น | สูง |
Fanola No Yellow | เม็ดสีม่วงเข้มข้นที่สุด | ผมฟอกสว่างมาก ติดเหลืองหนัก | ปานกลาง |
L’Oréal Professionnel Silver | ให้ความเงางาม (Gloss Protect) | ผมเทา ผมขาว และผมบลอนด์ | ปานกลาง |
Schwarzkopf Goodbye Yellow | Sulfate-Free และมี Bonding Tech | ผมเสียที่ต้องการความอ่อนโยน | ปานกลาง |
TRESemmé Blonde Brilliance | มีน้ำมันโจโจบา ราคาคุ้มค่า | ผู้เริ่มต้นใช้ และผมบลอนด์ทั่วไป | เข้าถึงง่าย |
Lolane Pixxel Color Refresh | บำรุงด้วย Inca Omega Oil | ทุกสภาพผมที่ผ่านการฟอกสี | เข้าถึงง่าย |
NIGAO Silver Shampoo | มีสารสกัดจากมอลต์ | คนที่ต้องการผลลัพธ์เร็วในราคาย่อมเยา | เข้าถึงง่าย |
Go Hair Anti-Yellow | มีเคราตินและสารสกัดดอกอัญชัน | ผมเสียที่ต้องการการฟื้นฟู | เข้าถึงง่าย |
Yves Rocher Color Protection | ส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยนสูง | หนังศีรษะแพ้ง่าย ใช้ได้ทุกวัน | ปานกลาง |
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. สามารถใช้แชมพูม่วงสระผมทุกวันได้หรือไม่?
ไม่แนะนำให้ใช้ทุกวันค่ะ เพราะแชมพูม่วงมีเม็ดสีที่เข้มข้นและมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่อาจทำให้ผมแห้งได้หากใช้บ่อยเกินไป การใช้ทุกวันยังอาจทำให้เม็ดสีม่วงสะสมบนเส้นผมจนทำให้สีผมเพี้ยนเป็นสีม่วงหรือดูหมองได้ ความถี่ที่เหมาะสมคือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือเมื่อสังเกตเห็นว่าผมเริ่มติดเหลืองเท่านั้น
2. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทิ้งแชมพูม่วงไว้นานเกินไป?
หากทิ้งแชมพูม่วงที่มีเม็ดสีเข้มข้นไว้นานเกินกว่าเวลาที่แนะนำ โดยเฉพาะบนผมที่แห้งเสียและมีรูพรุนสูง อาจทำให้เส้นผมดูดซับสีม่วงเข้าไปมากเกินไป ส่งผลให้ผมติดเฉดสีม่วงอ่อนๆ หรือสีเทาที่ดูเข้มและหมองกว่าที่ต้องการได้ หากเกิดปัญหานี้ขึ้น ให้ลองสระผมด้วยแชมพูทำความสะอาดล้ำลึก (Clarifying Shampoo) 1-2 ครั้ง สีม่วงที่ติดอยู่ก็จะค่อยๆ จางลงไปเองค่ะ
3. แชมพูม่วงใช้กับผมสีน้ำตาลได้ไหม?
แชมพูม่วงถูกออกแบบมาเพื่อหักล้างเม็ดสี “สีเหลือง” เป็นหลัก จึงไม่ค่อยเห็นผลกับผมสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าคุณทำผมสีน้ำตาลอ่อนโทนหม่น (Ash Brown) หรือมีการทำไฮไลท์สีบลอนด์บนพื้นผมสีน้ำตาล แชมพูม่วงจะช่วยลดประกายเหลืองหรือส้มในส่วนที่เป็นไฮไลท์ได้ แต่สำหรับผมสีน้ำตาลที่ติดโทนส้มแดง แนะนำให้มองหา “แชมพูสีน้ำเงิน” (Blue Shampoo) จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ
4. หลังจากใช้แชมพูม่วงแล้ว ยังต้องใช้ครีมนวดผมอีกไหม?
จำเป็นอย่างยิ่งค่ะ! แชมพูม่วงส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การปรับแก้เม็ดสี ซึ่งอาจทำให้ผมแห้งกว่าแชมพูปกติเล็กน้อย ดังนั้น หลังสระด้วยแชมพูม่วงและล้างออกจนสะอาดแล้ว ควรตามด้วยครีมนวดหรือทรีทเมนท์มาสก์สำหรับผมทำสีเสมอ เพื่อปิดเกล็ดผม เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผมนุ่มสลวย เงางาม และไม่แห้งกระด้าง
บทสรุป
การลงทุนทำสีผมสวยๆ มาแล้ว ก็ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด “แชมพูม่วง” ถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทำสีผมโทนสว่าง โทนหม่น หรือโทนเทาทุกคน เพราะเป็นเครื่องมือที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับประกายเหลืองกวนใจ ช่วยล็อกสีผมสวยๆ ของเราให้อยู่ทนนานเหมือนเพิ่งเดินออกจากซาลอน การเลือก แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผม ระดับความสว่างของสี และงบประมาณของคุณ ตั้งแต่แบรนด์พรีเมียมที่เน้นการบำรุงล้ำลึกไปจนถึงแบรนด์ที่หาซื้อง่ายและราคาเป็นมิตรที่เราได้รวบรวมมาให้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือชั้นดีที่ช่วยให้คุณเลือกแชมพูม่วงที่ใช่และสนุกกับการมีสีผมสวยปังได้ยาวนานขึ้นนะคะ!
Image by: